ข้อสรุปคดีนี้ จากกระแสข่าวสั่นสะเทือนนวงการมวยไทย เมื่อฟ้าวันใหม่ ช.ไทยเศรษฐ์ นักมวยวัย 19 ปีรับจ้างล้มมวยในศึก ทรูโฟร์ยู มวยสนุกวันศุกร์ เมื่อวันศุกร์ที่ 8 เดือนตุลาคม ก่อนหน้านี้
ข้อสรุปคดีนี้ ทำให้เสี่ยโบ๊ท ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์โด่งดังค่ายเพชรยินดี เดินหน้าตามล่าเอาคนกระทำผิดมาลงทัณฑ์ให้ถึงที่สุด ฟ้าวันใหม่หรือชื่อเดิมเป็น “ต่อทอง เทศบาลเขาบางแกรก” เป็นนักมวยฝีมือเยี่ยมที่คนภายในแวดวงสารภาพ แม้กระนั้นกำเนิดเดินหลงทางไปข้องแวะกับสิ่งเสพติด รวมทั้งปัญหาเรื่องการล้มมวยตั้งแต่เด็ก
รวมทั้งเมื่อปี 2563 มีกระแสไปทั่วทั้งโลกโซเชียล กับคลิปเด็กคนหนึ่งโดนจับได้ว่าจะเบี้ยวที่สนามมวยรังสิต ซึ่งเด็กคนซึ่งก็คือฟ้าวันใหม่ แม้กระนั้นในที่สุดทุกๆสิ่งทุกๆอย่างลงเอยด้วยดีเมื่อเสี่ยโบ๊ท เข้ามาช่วยพูดจาไกล่เกลี่ย รวมทั้งเปิดโอกาสเด็กคนนี้กลับมายืนหยัดบนแวดวงมวยอีกที จนได้ชื่อใหม่เป็นฟ้าวันใหม่ ฟ้าวันใหม่ได้รับความเมตตากรุณาจากผู้ใหญ่ในแวดวงมว
ย โดยยิ่งไปกว่านั้น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชาดา ไทยเศรษฐ์ ที่ยินยอมให้ใช้สีเสื้อ ช.ไทยเศรษฐ์ รวมทั้ง สมาชิกสภาจังหวัดเปี๊ยกอุทัย ที่ให้เข้าไปฝึกที่ค่าย และก็ดูแลอย่างดีเยี่ยม แม้กระนั้นสุดท้ายฟ้าวันใหม่ กลับมาทำร้ายตนเอง รวมทั้งผู้มีบุญคุณณด้วยการล้มมวย ซึ่งเป็นการทำที่ถูกหมายหน้าว่าคิดคดต่ออาชีพตนเอง ประมือณีที่เป็นข่าวมีชื่อเสียงตลอดทั้งอาทิตย์
ทาง เสี่ยโบ๊ท ได้ไลฟ์สดผ่าน เฟซบุ๊ค ส่วนตัว ลากไส้เปิดโปงว่าฟ้าวันใหม่ ช.ไทยเศรษฐ์ ถูกจ้างให้ล้มมวยจริง ซึ่งหลักฐานทั้งหมดทุกอย่าง มีทั้งยังสลิปการโอนเงินเข้า-ออก โดยมียอดเงินเข้า 30,000 บาทที่เป็นค่าเงินมัดจำจากจำนวนเงินจ้าง 500,000 บาทแล้วก็เงินออก 10,000 บาทที่ฟ้าวันใหม่ นำไปวางเดิมพันตรงกันข้ามตัวเอง
แล้วก็ช่วงวันที่ 13 ต.ค. โบ๊ท-ณัฐเดช ได้เดินทางออกรายการ “โหนกระแส” พร้อมด้วยฟ้าวันใหม่ และก็ อำนาจ รื่นเริง โดยเนื้อหารายละเอียดเป็นการเปิดเผยกรรมวิธีล้มมวย ซึ่งเป็นการจ้างด้วยแนวทางตีสนิทผ่านการซื้อน้ำพริกผ่านหนทาง โซเชียลของฟ้าวันใหม่ และก็เมื่อตกลงกันเป็นระเบียบเรียบร้อย ยังได้กล่าวว่าให้เกมการต่อยเป็นไปอย่างปกติใน 3 ยกแรก ออกพร้อมแฉ
แล้วให้แกล้งแพ้ตอนตอนยกที่ 4 พร้อมสั่งย้ำไม่ให้นำประเด็นนี้ไปบอกต่อคนใด ไม่เช่นนั้นจะโดนประทุษร้ายถึงแก่ชีวิต เสี่ยโบ๊ทกล่าวต่อถึงคนที่มาว่าจ้างล้มมวยนั้น มีชื่อว่า นายอุดม จารย์ลี ผู้ครอบครองฟาร์มควาย จังหวัดนครนายก สมัยก่อนหัวหน้าภาควิชานักมวยเกียรติพานทองที่เคยพันพัวกับการล้มมวยมาแล้วในอดีตกาล ซึ่งถึงช่วงนี้ทางตำรวจได้ตามหาตัว
แต่ผู้ครอบครองค่ายเพชรยินดี บอกว่า นายอุดม ได้แอบหนีไปแล้ว แล้วก็พากเพียรติดต่อมาหาคนสนิทสนมของตนเองเพื่อไกล่เกลี่ยเรื่องราวนี้ ส่วนทางด้าน อำนาจ คึกคัก เสริมต่ออีกว่า นายอุดม มีประวัติไม่ดี และก็มวยล้มตลอดมา ซึ่งอดีตกาลนักต่อยกลุ่มชาติไทยรู้สึกแค้นเคืองมากมาย ไม่รู้เรื่องว่าเพราะเหตุใดจำเป็นต้องพาเด็กไปในทางที่เสีย
เมื่อกระทำผิดก็จำต้องรับผิดฟ้าวันใหม่ ตระเตรียมพานดอกไม้เพื่อมาไหว้ขอเสี่ยโบ๊ท ซึ่งเคยช่วยชีวิตใหม่แล้วก็เปิดโอกาสมาตลอด โดยเสี่ยโบ๊ทเห็นด้วยการขออโหสิ แต่ว่าย้ำว่าถึงฟ้าวันใหม่ ยังเด็ก ยังไงเสียก็จำต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป พร้อมด้วยการันตีหนักแน่นว่าจะนำตัวคนทำผิดมาลงทัณฑ์ให้ได้ ข้อสรุปคดีนี้จะคืออะไรจำต้องติดตามกันถัดไป
คนจ้างก็จำเป็นต้องมารับความผิดพลาดตามคดีข้อบังคับ พรบ.มวย ส่วนตัวนักมวยเองก้มรับโชคชะตาที่ก่อไว้ เก็บฝังใจเพื่อนำไปเป็นบทเรียน เรื่องราวนี้มิได้สอนเพียงแค่ตัวฟ้าวันใหม่ แค่นั้น แม้กระนั้นยังเป็นแบบอย่างแก่นักต่อยผู้อื่นที่คิดจะล้มมวยแบบนี้
ข้อสรุปคดีนี้ “ล้มมวย” กระตุ้นวิกฤตเชื่อถือแนะใช้กฏหมายเข้มข้นควบคุม
ข้อสรุปคดีนี้ เคบียู สปอร์ต โพล โดยศูนย์สิ่งใหม่การพัฒนาทุนมนุษย์ ม.เกษมบัณฑิต เปิดเผยผลของการสำรวจ “ปรากฎการณ์ล้มมวย ปัญหาที่เกิดจากทางออก” ชี้ชาวไทยมองดูปัญหาเกี่ยวกับการล้มมวยมีมาโดยตลอด รับกระทบต่อวิกฤติเลื่อมใสของแวดวงแวดวงมวยไทย เชื่ออนาคตเกิดอีก เจาะจงปัจจัยมาจากการเดิมพันและก็เซียนมวยบางกรุ๊ป รวมทั้งอิทธิพลมืด แนะภาครัฐเข้าดูแลแล้วก็บังคับใช้ข้อบังคับเข้มข้มเพื่อดูแล
ข้อสรุปคดีนี้ จากกรณีปรากฎการณ์การล้มมวยของนักมวยไทยอาชีพรายหนึ่งเมื่อเร็วๆนี้ทำให้เกิดผลเสียรวมทั้งวิกฤตอเลื่อมใสต่อแวดวงมวยไทยในมากมายมิติ เพื่อเป็นการสนับสนุนและก็อนุรักษ์ไว้ซึ่งศิลป์การต่อสู้ประจำชาติให้อยู่คู่กับสังคมแล้วก็ประเทศสืบไปตลอดกาลกระทั่งเป็นที่ยอมรับของแวดวงกีฬาโลก เคบียู สปอร์ต โพล โดยศูนย์สิ่งใหม่การพัฒนาทุนมนุษย์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต
ก็เลยตรวจความเห็นเรื่อง “ปรากฎการณ์ล้มมวย ปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับทางออก” เพื่อสะท้อนมุมมองในมิติต่างๆของราษฎรแล้วก็ผู้ที่มีการเกี่ยวข้องในแวดวงกีฬาไทย สำหรับเพื่อการตรวจสอบดังที่กล่าวมาข้างต้นดำเนินงานผ่านระบบออนไลน์ระหว่างวันที่ 17- 19 ตุลาคม 64โดยกลุ่มทดลองเป็นสามัญชนทั่วๆไปรวมทั้งคนที่พึงพอใจและก็ติดตามข่าวทางการกีฬาซึ่งแก่ตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปปริมาณ 1,209 คน
แบ่งเป็นเพศชาย 746 คน คิดเป็นจำนวนร้อยละ 61.70 เพศหญิง 463 คน คิดเป็นจำนวนร้อยละ 38.30 ซึ่งผลที่เกิดจากการวิเคราะห์ในหัวข้อต่างๆโดยภาพรวมพบว่า ความเห็นที่มีต่อปรากฎการณ์การล้มมวยในประเทศไทย กลุ่มทดลองโดยมากปริมาณร้อยละ 69.71 มีความคิดเห็นว่ามีมาโดยตลอด รองลงมาปริมาณร้อยละ18.60 มีเป็นครั้งเป็นคราว แล้วก็จำนวนร้อยละ11.69 ยังคลุมเคลือ มวยไทย
และก็จากปรากฎการณ์ปัจจุบันคาดว่าในอนาคตการล้มมวยในประเทศไทยยังจะมีอีกหรือเปล่า ส่วนมาก ปริมาณร้อยละ 81.03 คาดว่าจะมี รองลงมาปริมาณร้อยละ 12.89 ยังไม่แน่ใจ รวมทั้งจำนวนร้อยละ 6.08 คาดว่าจะไม่มี ต้นเหตุของการล้มมวย โดยมากจำนวนร้อยละ 32.01 การเดิมพัน รองลงมาปริมาณร้อยละ 24.57 เซียนมวยบางกรุ๊ปรวมทั้งอิทธิพลมืด ปริมาณร้อยละ19.88
นักมวยรวมทั้งนายจ้างไม่กลัวข้อบังคับ จำนวนร้อยละ14.63 นักมวยขาดสามัญสำนึกรวมทั้งความเพียงพอ ปริมาณร้อยละ 5.33 นักมวยขาดผลประโยชน์และก็รายได้ที่ดีเพียงพอและก็อื่นๆจำนวนร้อยละ3.58 ส่วนต้นเหตุที่มีผลต่อการเดิมพันมวยไทย ส่วนมากปริมาณร้อยละ 29.08 ค่าความนิยมและก็ความชื่นชอบ รองลงมาจำนวนร้อยละ 24.65 จังหวะแล้วก็การเข้าถึงการแข่งขันชิงชัยผ่านวิถีทางต่าง ๆ ปริมาณร้อยละ18.80
การแพร่หลายของการจัดการชิงชัย จำนวนร้อยละ13.07ปัญหาเศรษฐกิจและก็ค่ายังชีพ ปริมาณร้อยละ10.05 ขาดความเพียงพอและไม่เคารพนับถือข้อบังคับ รวมทั้งอื่นๆปริมาณร้อยละ 4.35
ปัญหารวมทั้งผลพวงที่มีต่อการล้มมวย
ข้อสรุปคดีนี้ จำนวนมากจำนวนร้อยละ 34.88 กระทบต่อวิกฤติเลื่อมใสของแวดวงแวดวงมวยไทย รองลงมาจำนวนร้อยละ 25.02 กระทบต่อความโด่งดังของศิลป์การต่อสู้ประจำชาติ ปริมาณร้อยละ 21.73 ก่อให้เกิดคดีอาชญากรรม จำนวนร้อยละ12.77 กระทบต่อเศรษฐกิจและก็สังคมปริมาณร้อยละ3.11 กระทบต่อเกียรติยศความเป็นคนรวมทั้งอื่นๆปริมาณร้อยละ 2.49 ระหว่างที่มาตรการการปกป้องคุ้มครองแล้วก็ปรับแก้การล้มมวย
โดยมาก จำนวนร้อยละ37.11 ใช้มาตรการทางด้านกฎหมายอย่างเข้มข้นรวมทั้งตั้งใจจริง รองลงมาจำนวนร้อยละ24.95 ใช้มาตรการทางด้านสังคม ห้ามผู้ที่มีการเกี่ยวข้องข้องเกี่ยวกับแวดวงชั่วชีวิต ปริมาณร้อยละ12.09 จ่ายค่าแรงรวมทั้งจัดผลประโยชน์ที่สมควรให้กับนักมวย ปริมาณร้อยละ11.51 หัวหน้าค่ายแล้วก็นักมวยหลีกไกลจากการเดิมพัน จำนวนร้อยละ 9.44
สร้างความรู้ความเข้าใจและก็ความรับผิดชอบต่อวิชาชีพให้กับนักมวยและก็ผู้ที่เกี่ยวข้อง แล้วก็อื่นๆปริมาณร้อยละ 4.9 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.รัฐพงศ์ บุญญานุการปฏิบัติ ผู้อำนวยการศูนย์สิ่งใหม่การพัฒนาทุนมนุษย์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต กล่าวเพิ่มอีกว่าจากผลที่ได้รับจากการสำรวจดังที่กล่าวถึงมาแล้วจะมองเห็นได้ว่ากลุ่มทดลองมั่นใจว่าปรากฎกาณ์การล้มมวยในสังคมไทยมีมาอย่างสม่ำเสมอ
โดยปัจจัยหลักมาจากการเดิมพันภายใต้การติดต่อประสานงานดำเนินงานของเซียนมวยบางกรุ๊ปและก็ผู้มีอำนาจมืด อย่างไรก็ดีแม้พิจารณาถึงการเดิมพันสำหรับสังคมไทยหรือต้นเหตุที่เข้าไปเกี่ยวโยงกับแวดวงกีฬาบางจำพวกโดยยิ่งไปกว่านั้นมวยไทยนั้นจะสอดคล้องกับผลจากการสำรวจที่มาจากค่าความนิยมรวมทั้งความชื่นชอบเป็นลำดับต้น ๆ
และก็ที่น่าดึงดูดกลุ่มของตัวอย่างยังสะท้อนไปในทางเดียวกันว่าการล้มมวยจะก่อให้เกิดผลกระทบรวมทั้งกำเนิดปัญหาต่อวิกฤติเลื่อมใสของแวดวงมวยไทยตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้อำนวยการศูนย์ของใหม่การพัฒนาทุนมนุษย์ มัธยมเกษมบัณฑิต ยังเผยอีกว่า เพื่อเป็นการคุ้มครองและก็ปรับแก้ไม่ให้กำเนิดความฉาวโฉ่ตลอดจนตอกย้ำต่อแวดวงมวยไทย
ซึ่งนับว่าเป็นศิลป์การต่อสู้ประจำชาติที่สำคัญที่บรรพชนได้แต่งตั้งและก็ถ่ายทอดกันมา ตั้งแต่นี้ไปถ้าหากต้องการจะสงวนไว้ซึ่งความคิดและก็มรดกอันสำคัญยิ่ง ผู้ที่มีการเกี่ยวข้องในแวดวงมวยไทยทุกภาคส่วนโดยยิ่งไปกว่านั้นนายสนาม โปรโมเตอร์ หัวหน้าค่าย ตลอดจนนายทะเบียนซึ่งอาทิเช่นบุคลากรหรือเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบของการกีฬาแห่งประเทศไทยควรต้องเข้มงวดกับการใช้มาตรการทางด้านกฎหมายให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติกีฬาชกมวย พุทธศักราช2542 อย่างเข้มข้นและก็ตั้งใจจริงโดยตลอด