ยอดมวยที่ มันเป็นเพราะว่าสีผิวของผม ซึ่งผมทำอะไรกับมันมิได้ นี่มันมาจากบรรพบุรุษของผม” รูบิน คาร์เตอร์ กล่าว
ยอดมวยที่ คราวหนึ่งเขาเคยเป็นที่โจษจันในแวดวงมวยของโลกในสมัย 60s ด้วยสถิติชนะ 27 ไฟต์จาก 40 ไฟต์ โดยเป็นการชนะน็อกถึง 19 ครั้ง จนได้รับสมญานามว่า “เฮอร์ริเคน”
อย่างไรก็ตามกลางคืนหนึ่งในปี 1966 เขากลับกลายเป็นผู้ต้องหาในเหตุกราดยิง เพราะผู้เห็นเหตุการณ์พูดว่าผู้ร้ายเป็นคนดำ แล้วก็ทำให้เขาถูกกักขังเกือบจะ 20 ปี
รูบิน คาร์เตอร์ กำเนิดช่วงวันที่ 6 พ.ค. 1937 ที่เมืองคลิฟตัน รัฐนิวเจอร์ซีย์ เขาเป็นลูกผู้ที่ 4 จาก 7 คนที่อาศัยอยู่ในครอบครัวคนดำยากจนข้นแค้นที่ย้ายมาจากเมืองหน้าจอร์เจียร์ เมืองตอนใต้ ซึ่งมีปัญหาการเหยียดผิวอย่างหนัก มวยไทย7สี
ลอยด์ บิดาของเขาเป็นคนขยันแล้วก็เข้มงวดมากมาย ด้วยเหตุว่าแม้ว่าจะมีงานประจำเป็นคนงานในโรงงานยางกลางวันและก็ส่งน้ำแข็งในตอนเวลาเช้า แม้กระนั้นเขาก็มีงานเสริมเป็นผู้ช่วยนักบวชในโบสถ์
ความเคร่งครัดของลอยด์มองเห็นได้จากสิ่งที่เขาปฏิบัติต่อลูกชาย ทั้งยังการให้มาช่วยงานตัดน้ำแข็งตั้งแต่ คาร์เตอร์ อายุ 8 ขวบ
และก็จับลูกชายตนเองส่งตำรวจ ข้างหลัง คาร์เตอร์ แล้วก็เพื่อนไปลักขโมยของจากร้านบูติกในเมืองแพตเตอร์สัน ตอนอายุ 9 ขวบ
แต่ว่าโน่นมิได้ทำให้ความเฟี้ยวของ คาร์เตอร์ ลดลง แล้วก็ตอนอายุ 11 เขาก็ถูกจำเรือนจำเป็นครั้งแรกข้างหลังไปก่อเหตุแทงชายคนหนึ่งที่อุตสาหะล่วงละเมิดทางเพศเขา ทำให้เขาถูกส่งไปควบคุมการปฏิบัติที่สถานที่พินิจพิจารณาสำหรับเด็กชายที่ชื่อว่า สเตท โฮม (คล้ายกับบ้านเมตตาของไทย) ที่เมืองเจมส์เบิร์ก
คาร์เตอร์ เล่าว่าที่เจมส์เบิร์กผู้คุมต่างข่มเหงรวมทั้งทำร้ายเขาสารพัน มีตั้งแต่ว่าตบตีไปจนกระทั่งปองร้าย เขาจะต้องทนอยู่แบบงั้นอยู่ 6 ปี กระทั่งสุดท้ายเขาก็ตกลงใจหนีออกมาแล้วไปอยู่กับป้าที่ฟิลาเดลเฟีย ที่อยู่ห่างออกไปราว 50 ไมล์ และเริ่มชีวิตใหม่ด้วยการสมัครเข้ามาเป็นทหารในกองทัพในวัย 17 ปี (ที่สหรัฐอเมริกา สมัยนั้นสมัครทหารได้ตั้งอายุ 17 ปี)
โชคดีที่ในสมัยนั้นระบบข้อมูลยังมิได้เชื่อมโยงกันมากนัก ทำให้ปลอดคนทราบเรื่องราวในอดีตของ คาร์เตอร์ เขาแปลงเป็นคนใหม่ในกองทัพ และก็ได้ขึ้นตรงต่อพลร่มกองบิน 101 ที่ได้ไปปฏิบัติงานที่เยอรมัน ก่อนที่จะเริ่มต่อยมวยในขณะนั้น
“พวกเขาต่างเข้มแข็ง ตรงไปตรงมา แล้วก็ทำงานหนักเท่ากับต่อสู้อย่างมากถ่วง” คาร์เตอร์ ย้อนเรื่องในอดีต
“ตรงนั้นไม่มีอะไรยุ่งยาก ไม่มีความเคร่งเคลียด ปราศจากความกลัว”
หลังจากนั้น คาร์เตอร์ ก็เปลี่ยนนักมวยเด่นของกองกองทัพ ด้วยการเอาชนะคู่ปรปักษ์ไปถึง 50 ครั้ง โดยเป็นการชนะน็อกถึง 35 ครั้ง และก็แพ้เพียงแต่ 5 ครั้ง กระทั่งก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์ยุโรปในรุ่นไลท์เวตของกองกองทัพบก
คาร์เตอร์ อยู่ในกองทัพไม่กี่ปีก็ถูกปลดปฏิบัติหน้าที่ เมื่อดันไปก่อเหตุกระทั่งถูกไปศาลทหารถึง 4 ครั้ง เขากลับมาอยู่ที่แพตเตอร์สันและก็ได้งานเป็นพนักงานขับรถต่อไป แต่ว่าก็มาโดนจับจากคดีที่หลบซ่อนหนีออกมาจากสถานที่พินิจพิเคราะห์แล้วก็ถูกส่งไปยัง แอนท้องนาเดล รีฟอร์มาทอรี โรงเรียนสำหรับดัดนิสัยสำหรับผู้ต้องขังที่แก่ 18-30 ปี
เขาอยู่ในนั้นเพียงแต่ 10 เดือนก็ถูกปล่อยเนื้อปล่อยตัว แต่ว่าก็มาโดนจับซ้ำสองในปี 1957 ภายหลังจากเพียรพยายามฉกชิงวิ่งราวกระเป๋าหญิงคนหนึ่ง รวมทั้งรังแกเพศชายที่เข้ามาช่วย คราวนี้เขาถูกวินิจฉัยให้ติดตะราง 4 ปีและก็ถูกส่งไปที่คุกเทรนตัน สเตท ซึ่งเป็นสถานที่กักขังของคนแก่ https://www.cornermxpark.com
การเช็ดกส่งเข้าเรือนจำคราวนี้ทำให้เขาเริ่มคิดได้และก็ต้องการจะกลับใจอย่างเอาจริงเอาจัง ทำให้ข้างหลังพ้นโทษ คาร์เตอร์ ตกลงใจเริ่มชีวิตใหม่ด้วยสิ่งที่เขาเคยทำเป็นดี โน่นเป็นการเป็นนักชกมวยระดับมืออาชีพ
ไฟต์แรกของเขาได้ค่าจ้างเพียงแต่ 20 เหรียญ (ราว 6,000 บาทเมื่อเทียบกับค่าเงินในตอนนี้) มันเป็นหนึ่งคราวหน้าออกมาจากคุก และก็ คาร์เตอร์ ก็ใช้เวลาแค่เพียง 4 ชูเอาชนะคู่ปรับไปอย่างไม่ยากเย็น
“มันเปลี่ยนเป็นส่วนประกอบในตัวผม การต่อสู้เป็นจังหวะการเต้นของชีพจรของผม และก็ผมก็รักมัน” คาร์เตอร์ ชี้แจงกับ New York Times
แล้วหลังจากนั้นไม่นาน คาร์เตอร์ ก็ไต่เต้าขึ้นมาเป็นนักต่อยแถวหน้าของสหรัฐอเมริกา แม้ว่าจะมีส่วนสูงแค่เพียง 5 ฟุต 8 นิ้ว (172 ซม.) และก็หนักเพียงแต่ 155 ปอนด์ (กิโล) ซึ่งนับว่าเป็นคนตัวเล็กแต่ว่าก็ถูกชดเชยด้วยร่างกายที่ใหญ่โตรวมทั้งหมัดฮุกซ้ายที่ทรงประสิทธิภาพ จนได้รับสมญานามว่า “เฮอร์ริเคน”
22 ไฟต์แรกเขาสามารถเอาชนะน็อกคู่ปรปักษ์ไปถึง 14 ครั้ง หนึ่งในนั้นเป็นการเอาชนะ เอมิล กริฟฟิธ แชมป์โลกในรุ่นเฟเธอร์เวต ที่ลงมาต่อยในรุ่นมิดเดิลเวต แล้วก็เคยขึ้นไปชิงชนะเลิศโลกรุ่นของตนเองกับ โจอี จิอาร์เดลโญ ในปี 1964 ข้างหลังแพ้ไปอย่างเอกฉันท์ ครั้งหนึ่งในชีวิต
นอกเหนือจากนั้นเขายังเป็นนักมวยที่ผู้คนมีความสนใจ ข้างหลังโปรโมเตอร์เอาเรื่องราวอาชญากรรมของเขามาเป็นจุดขาย โดยสื่อว่าคุกเป็นสถานที่ที่ขัดเกลาให้ คาร์เตอร์ เป็นนักมวยที่น่าสยดสยอง
บวกกับไลฟ์สไตล์ที่หวือหวา อีกทั้งการปรากฏกายในผ้าที่เอาไว้คลุมสีดำที่มีรูปเสือที่ปักด้วยเส้นด้ายสีทองคำอยู่ข้างหลังก่อนขึ้นสังเวียน หรือสวมสูทที่สั่งตัดโดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะเดินตามถนน ทำให้เขาไม่มีความแตกต่างซูเปอร์สตาร์คนหนึ่งของสมัย
“เขามีหัวที่โกนหมดจด หนวดที่โดดเด่น และก็การขึงตาที่ไม่ง่อนแง่น รูปร่างที่เชื่อถือได้ทำให้เขาแสดงตัวได้อย่างน่ายำเกรงบนสังเวียนมาเป็น 10 ปี ก่อนที่จะรูปลักษณ์นั้นจะเปลี่ยนเป็นเรื่องปกติ” หอพักเกียรติศักดิ์ของสโมสรมวยนิวพบร์ซีย์อธิบายถึงเขาตอนนั้น
มันเป็นวันที่ คาร์เตอร์ ไม่ทันตั้งตัว เมื่อคืนนี้วันที่ 16 ต่อด้วยช่วงเวลาเช้ามืดของวันที่ 17 เดือนมิถุนายน 1966 ในช่วงเวลาที่เขาออกท่องเที่ยวช่วงกลางคืนตามเดิมห่างจากที่ที่เขาอยู่ออกไปครึ่งไมล์ กลับมีเหตุกราดยิงขึ้นในผับที่ชื่อ ลาฟาเยตต์ บาร์ แอนด์ กริลล์ ที่แพตเตอร์สัน
ผู้เห็นเหตุการณ์ในจุดเกิดเหตุเล่าว่า ขณะ 2.30 น. ได้มีผู้ร้ายสองคนบุกเข้ามาในผับ ซึ่งเป็นที่พบปะสนทนาพบปะของคนขาวในเมือง ก่อนที่จะใช้ปืนลูกซองรวมทั้งปืนสั้นยิงใส่บุคลากรและก็ลูกค้าในร้านค้า กระทั่งทำให้มีคนตายในทันที 2 คน และก็อีกผู้บาดเจ็บรุนแรง
“ผมอยู่ที่สำนักงานใหญ่ พวกเขากล่าวว่าตรงนั้นมีเหตุยิงกัน ผมคว้าปืนสองกระบอกแล้ววิ่งออกไป” จิมม์ ลอว์เลส ตำรวจผู้อยู่ในเหตุการณ์ย้อนเรื่องในอดีตกับ North Jersey
ผู้รอดพ้นจากความตายกล่าวว่า ผู้ร้ายเป็นคนดำ แล้วก็ 6 ชั่วโมงก่อนหน้านั้นห่างออกไป 5 ตอนอาคารพึ่งมีเหตุคนผิวขาวยิงคนผิวดำในเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ข้างถนน ทำให้ตำรวจคาดคะเนว่าสิ่งจูงใจสำหรับการก่อเหตุบางครั้งอาจจะเป็นการล้างแค้นจากคดีแรก
เนื่องมาจากเวลานี้แม้ว่าจะมีข้อบังคับห้ามเลือกปฎิบัติออกมา แต่ว่าการแบ่งแยกสีผิวยังคงไม่หายไป ด้วยเหมือนกันกับที่เมืองแพตเตอร์สันที่มีการแยกอย่างแจ่มแจ้ง มองเห็นได้จากการมีร้านเหล้าสำหรับคนผิวดำที่พวกเขาไปเป็นที่รีสอร์ทวอลซ์ อินน์ ส่วนคนขาวก็คืออพาร์เม้นท์ลาฟาเยตต์ ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ
ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้ข้างหลังเกิดเหตุตำรวจได้ตั้งจุดตรวจเพื่อสกัดจับชายผิวดำตามข้อเท็จจริง และก็ คาร์เตอร์ ก็เป็นเลิศในนั้น ในช่วงเวลานั้นเขาพึ่งจะออกมาจากร้านเหล้ากับ จอห์น อาร์ติส คนรู้จักกัน แล้วก็ถูกเรียกตรวจเนื่องจากว่ารถยนต์ของเขาคล้ายกับรถยนต์ที่คนร้ายใช้หลบซ่อนข้างหลังก่อเหตุ
เขาถูกนำเข้าเครื่องจับเท็จและก็ถูกปล่อยตัวปล่อยใจในเวลาถัดมา เนื่องจากว่าเว้นแต่เป็นคนดำแล้วรูปร่างหน้าตาของเขาและก็เพื่อนพ้องก็ไม่มีจุดไหนเลยที่ตรงกับปากคำของผู้เห็นเหตุการณ์
ตอนต้น คาร์เตอร์ นึกว่าจะไม่มีอะไร แม้กระนั้นภายหลังขึ้นสังเวียนไฟต์ที่ 40 กับ ฮวน คาร์ลอส ริเบโร นักต่อยคนอาร์เจนตินา ที่โรซาริโอ ในวันที่ 6 เดือนสิงหาคม 1966 ไม่ถึง 2 เดือนถัดมา เขารวมทั้งอาร์ติสก็ถูกออกหมายจับในฐานะผู้ต้องสงสัยคดีการสังหาร
ถึงแม้เขาจะไม่ยอมรับในหัวข้อนี้แม้กระนั้นตำรวจก็ยังรบกวนและก็รุกรามเขา ทั้งยังโดนจับเข้าตารางโดยไม่ตั้งข้อกล่าวหา ให้พิมพ์ลายนิ้วมือและก็ถ่ายภาพอย่างกับเป็นผู้ต้องหา และยังรวมไปถึงมีประวัติอยู่ในแฟ้มผู้ต้องสงสัยของที่ทำการสอบปากคำกึ่งกลางหรือ FBI
ทำให้ถึงแม้ว่าสำหรับการสืบสวนหนแรกเขาจะมีผู้เห็นเหตุการณ์ถึง 3 คนแก้ต่างว่าเขามิได้อยู่บริเวณนั้นตอนเกิดเหตุ แม้กระนั้นเขาก็ถูกวินิจฉัยให้มีความผิดจากคำให้การของ อัลเฟรด เบลโล แล้วก็ อาคุณร์ กางรดลีย์ ผู้เห็นเหตุการณ์ผิวขาวที่อ้างถึงว่าพบเจอทั้งคู่ก่อนก่อเหตุ
เบลโล กล่าวว่าเขามองเห็นอีกทั้ง คาร์เตอร์ และก็ อาร์ติส ออกมาจากอพาร์เม้นท์ข้างถนนที่คนดำถูกยิงกับมีปืนในมือ ส่วน กางรดลีย์ มองเห็นเพียงแค่ คาร์เตอร์ เพียงผู้เดียว และก็รับรองว่าพวกเขามองเห็นทั้งสองอยู่แถวร้านค้า ลาฟาเยตต์ กริลล์ ในขณะที่เกิดเหตุกราดยิง
จากคำพูดกล่าวให้การของผู้เห็นเหตุการณ์ทำให้ลูกขุนที่ทั้งผองเป็นคนผิวขาววินิจฉัยว่า คาร์เตอร์ แล้วก็ อาร์ติส มีความผิดฐานการฆ่าสังหาร แม้กระนั้นให้เลี่ยงการประหาร ก่อนที่จะ ซามูเอล ลาร์เนอร์ จะให้ คาร์เตอร์ ติดตะรางทั้งชีวิต 2 ครั้ง (จำเป็นต้องได้รับการลดโทษ 2 ครั้งถึงจะพ้นโทษ) แล้วก็ อาร์ติส ติดคุกทั้งชีวิต 3 ครั้ง
พวกเขาบากบั่นขออุทธรณ์แม้กระนั้นไม่เป็นผล ก่อนที่จะในที่สุดศาลฎีกานิวพบร์ซีย์จะยืนตามคำพิพากษาเดิม ทำให้ คาร์เตอร์ เปลี่ยนแปลงสถานะจากยอดนักมวยมาเป็นผู้ต้องขังจากข้อผิดพลาดที่เขามิได้ก่อ
“ผมไม่ใช่ผู้ที่เพอร์เฟ็ค ผมเกี่ยวโยงกับอาชญากรรมที่น่าเสียใจมาก อีกทั้งการทำร้ายและก็ลักขโมย แม้กระนั้นไม่ใช่การฆาตกรรม” รูบิน คาร์เตอร์ แถลงการณ์ใน “Eye of the Hurricane: My Path from Darkness to Freedom” หนังสือชีวประวัติส่วนตัวของเขาที่พิมพ์ในปี 2011