ศึกสายเลือด วัน แชมเปียนชิพ หน่วยงานสื่อกีฬายอดเยี่ยมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย
ศึกสายเลือด ซึ่งให้ความสำคัญในเรื่องสุขภาพและจากนั้นก็ความปลอดภัยของนักกีฬา เจ้าหน้าที่ ข้าราชการ และผู้ที่เกี่ยวข้องมาเป็นลำดับอันดับแรก จะต้องประกาศเลื่อนการประลองศึกวัน:เอมพาวเวอร์
อย่างไรก็ตาม เพื่อแฟนๆการต่อสู้ได้รับความสบายสมกับการคอย วัน แชมเปียนชิพ ก็เลยขอนำเทปบันทึกการแข่งขันชิงชัยศึกวัน:ฟูลบลาซท์ ซึ่งตอนแรกวางเจาะจงกระจายเสียงในวันที่ 11 มิ.ย. 64
วัน:แชมป์เปี้ยนชิพ โดยจับสองนักต่อยขวัญใจแฟนคนไทยมาเป็นคู่เอกชูโรง คู่เอกเป็นการแข่งขัน วัน ซูเปอร์ ซีรีส์ มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต ระหว่างสมัยโบราณแชมป์ปูนเสือ ผู้รั้งชั้น 1 ของแรงกิง ไฟต์สามภาค
“โรโบคอป” เสมาเพชร แฟร์เท็กซ์ และก็ยอดมวยถ้วยพระราชทานปี’60 พบชั้น 3 ของแรงกิง อย่าง “ซ้ายอุกาบาต” ดอกกุหลาบดำ สมาชิกสภาจังหวัดเปี๊ยกอุทัย คู่นี้เคยถูกวางตัวให้ต่อยกันสำหรับเพื่อการแข่งขันมวยไทยทัวร์นาเมนต์รุ่นแบนตัมเวต รอบสุดท้าย เมื่อปี 2563
แต่ตามที่ เสมาเพชร เกิดเจ็บจากการประลองกับ “รถเหล็ก พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม” ในไฟต์ก่อนหน้า ก็เลยทำให้เขาสละสิทธิ์และรถเหล็กมาทิ่มแทงแทนเพื่อต่อยกับดอกกุหลาบดำ
โดยเหตุนั้น การพบกันของคู่นี้ก็เลยเป็นการกลับมาพบกันของคู่มวยที่เคยถูกวางตัวไว้แล้ว และตั้งแต่นี้ต่อไปจะได้รับรู้ว่าผู้ใดกันเป็นตัวจริง?
ศึกสายเลือด “บิ๊กโด่ง” เปิดฉาก นั่งหัวหน้าชมรมฯมวยไทยนานาประเทศคนแรก
ศึกสายเลือด “บิ๊กโด่ง” พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เปิดตัวนั่ง นายกสโมสรสมาพันธ์มวยไทยนานาประเทศคนแรก (ไอเอฟเอ็มเอ) ด้านหลังไอโอซีลงความเห็นรับประกัน เผยตระเตรียมเดินหน้าผลักดัน มวยไทย ชิงชัยในกีฬาโอลิมปิก คราวหลังที่ประเทศฝรั่งเศส ช่วงวันที่ 20 เดือนกรกฎาคม64
ศึกสายเลือด คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ได้ให้การรับประกันกีฬามวยไทย แล้วก็สมาพันธ์มวยไทยนานาประเทศ เข้ามาเป็นสมาชิกแบบถาวร ถือได้ว่าเป็นอีกก้าวที่สำคัญ ที่คนประเทศไทยแล้วหลังจากนั้นก็คนทั่วโลกอาจจะได้มองการแข่งขันชิงชัยกีฬามวยไทยที่น่าระทึกใจตื่นเต้น
ในมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติในอนาคต อันใกล้นี้ โดย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร นายกชุมนุมสหพันธรัฐมวยไทยนานาประเทศ (ไอเอฟเอ็มเอ)ได้กล่าวมาว่า ” ภายหลังจากการประชุมสัมมนาระยะไกล (วีทีซี) และสังสรรค์กับสมาชิกไอเอฟเอ็มเอ ทั้ง 146 ประเทศ ที่ร่วมรับมองถ่ายทอดการประกาศค้ำประกันอย่างเป็นทางการ จากกรุงเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เป็นวันที่น่าภูมิใจของคนประเทศไทย และของสมาชิกไอเอฟเอ็มเอ ทั่วโลก ทันเวลาแทบจะ 30 ปีแล้ว ที่ไอเอฟเอ็มเอ ได้ร่วมกับ รัฐบาล คณะกรรมการโอลิมปิกที่ประเทศไทยฯ และหน่วยงานกีฬาต่างๆในการปฎิบัติตามครรลองของโอลิมปิก เพื่อกีฬามวยไทยมีชื่อ แล้วก็เป็นที่ยอมรับในระดับประเทศ มวยไทย
ทำให้ไอเอฟเอ็มเอ เป็นเพียงแค่หน่วยงานเดียวเท่านั้น พื้นที่ไอโอซี ให้การประกันด้านกีฬามวยไทย ก็เลยถือว่าเป็นการบรรลุจุดประสงค์อีกขั้นหนึ่งที่สำคัญ สำหรับการประกวดกีฬาโอลิมปิกนั้น จะมีกีฬาหลัก 28 ชนิดกีฬา และกีฬาใส่ใหม่อีก 5 จำพวกกีฬาที่คณะกรรมการโอลิมปิกสากล และก็ ประเทศผู้จัดงานจะร่วมกันไตร่ตรอง
โดยเฟ้นหาจากกีฬาที่ได้เรื่องรับรองแบบถาวรจากไอโอซี รวมทั้งเป็นพวกของเออาร์ไอเอสเอฟ ซึ่งเวลานี้ไอเอฟเอ็มเอ เป็นพวกของเออาร์ไอเอสเอฟ เรียบร้อยแล้ว
ด้วยเหตุนี้การรับรองจากไอโอซี ในวันนี้ หมายความว่า กีฬามวยไทย มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ทุกสิ่ง พร้อมแล้วที่จะให้ไอโอซี และประเทศเจ้าภาพ ได้คัดเลือกเข้าไปใส่เป็นกีฬาที่ใช้แข่งขันในโอลิมปิกต่อไป
ในส่วนของไอเอฟเอ็มเอ ยังคงจะต้องขมักเขม้นปฎิบัติตามกฏเกณฑ์ของไอโอซี โดยตลอด
ศึกสายเลือด ยกตัวอย่างเช่น นักกีฬาจึงควรไม่ใช้สารต้องห้าม คุ้มครองการโกงสำหรับในการประกวด การใช้แรงงานเด็ก อื่นๆอีกมากมาย และควรเจาะจงมาตรฐานมวยไทยวันสแตนดาร์ดมวยไทย (โอเอสเอ็ม) เพื่อ นักกีฬา คนฝึก ผู้ตัดสิน และผู้เกี่ยวข้อง ทุกคนได้ถือมั่นปฏิบัติ เพื่อแสดงถึง ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ของกีฬามวยไทย และก็ควรสร้างชื่อให้กีฬามวยไทยเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้นเรื่อย ๆ
โดยการผลักดันให้มีการใส่กีฬามวยไทยสำหรับในการแข่งขันระดับประเทศที่สำคัญต่างๆเวลานี้ที่เสร็จแล้ว เช่น การประลอง ยูโรเปี้ยนเกมส์ ที่ประเทศโปแลนด์ และก็การแข่งขันชิงชัย เวิร์ดคอมแบทเกมส์ ที่ประเทศซาอุดิอาราเบีย ในปี พ.ศ. 2566 สุดท้าย
ผมแล้วก็สมาชิกไอเอฟเอ็มเอ ทุกคนก็รู้สึกไม่ได้มีความแตกต่างจากญาติโกโหติกาคนไทยที่อยากได้เห็นกีฬามวยไทยสำหรับการแข่งขันโอลิมปิกที่ประเทศฝรั่งเศส โดยตอนนี้ ช่วงวันที่ 23 มิ.ย.64 พล.อำเภอประวิตร วงษ์ทอง ในฐานะประธานกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ได้เซ็นชื่อแต่งแผนกอนุกรรมการการขับเขยื้อนกีฬามวยไทยสู่โอลิมปิก มวยไทย7สี
ตามความเห็นชอบของคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธานสาขาวิชาอนุกรรมการอำนวยการ และก็ ผม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เป็นประธานสาขาวิชาอนุกรรมการจัดแจงขับกีฬามวยไทยสู่โอลิมปิก
ซึ่งเป็นความร่วมมือกันจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน แล้วก็บุคลากรที่สำคัญในวงการกีฬามวยไทย ทำให้ผมมีความเชื่อมั่นมากไม่น้อยเลยทีเดียวว่า จุดมุ่งหมายของพวกเราที่ต้องการจะเห็นการประลองกีฬามวยไทยในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว รวมทั้งกีฬามวยไทยจะเป็นกีฬาชนิดแรกสำหรับเพื่อการประกวดกีฬาโอลิมปิก ที่มีชื่อประเทศอยู่ในชื่อกีฬา เป็นเหตุให้เกิดความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของคนไทยทุกคน ในเร็วๆนี้ แน่นอน