สายคาดแชมป์โลก จอน โจนส์ อายุเพียงแค่23ปี ในวันที่เขาเปลี่ยนเป็นแชมป์โลกยูเอฟซีรุ่นไลท์เฮฟวี่เวต 

สายคาดแชมป์โลก จอน โจนส์ อายุเพียงแค่ 23ปี ในวันที่เขาเปลี่ยนเป็นแชมป์โลกยูเอฟซี รุ่นไลท์เฮฟวี่เวต นี่เป็นผู้ถือสายรัดเอวแชมป์โลกผู้ครอบครองสถิติอายุต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณจะคาดหมายจะดำรงชีวิตแบบเขาในฐานะ โรล โมเดิล เหมือนนักกีฬาที่บรรลุผลสำเร็จ คุณจะต้องคิดใหม่

พวกเราจั่วหัวว่าเขาเคยเกือบจะเป็นบาทหลวงก็จริง ใช่ ด้วยเหตุว่าเขาเคยถูกมุ่งหวังให้เป็นอย่างงั้น ซึ่งแน่นอนว่านั่นอาจทำให้ท่านรู้เรื่องและก็คิดภาพตามว่า เขาคงจะเป็นนักสู้ ที่มีเลือดนักบุญยามอยู่นอกสังเวียน.. แต่ว่าเปล่าเลย เขาเกือบจะเป็นซาตานต่างหาก

ชีวิตของเขามันเป็นเยี่ยงไรกันแน่? เมนแสตน จะเล่าให้ฟัง ลูกไม้หล่นไกลต้น อาเธอร์ โจนส์จูเนียร์ เป็นผู้ชายอเมริกันผิวดำที่เคร่งศาสนามาตั้งแต่จำความได้ เขาโตมาพร้อมกับความลำบากตั้งแต่ที่ยังเป็นเด็ก

และก็เมื่อแต่งงานพร้อมด้วยลูกๆอีก 4 คน เหตุการณ์ชีวิตก็ยังจะต้องดิ้นรนสู้ถัดไป เว้นเสียแต่แรงใจจากครอบครัวแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทำให้ อาเธอร์ยังคงไม่ยอมแพ้เป็น “ศรัทธา” ที่เขามีต่อพระผู้เป็นเจ้า

นับจากบรรพบุรุษของตระกูลโจนส์มาตั้งหลักแหล่งในสหรัฐอเมริกา ครอบครัวของเขาก็ผูกพันกับคริสตจักรตลอดมา บ้านของพวกเขาอยู่ชิดกับโบสถ์ เม้า ซินัย ซุส ออฟ โกด ในบิงแฮมตัน มหานครนิวยอร์ก ตระกูลของเขาก็เลยเป็นคริสเตียนที่เคร่งศาสนามาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษแล้ว

ตัวของ อาเธอร์นั้นเชื่อถือรวมทั้งไว้วางใจในคำกล่าวอบรมสั่งสอนของพระเยซูอย่างที่สุด เขาอยู่ใกล้เคียงคริสตจักรแล้วก็พร้อมช่วยเหลือเสมอ กระทั่งได้เปลี่ยนมาเป็นนักบวชของโบสถ์แห่งนี้ ซึ่งแน่ๆ ว่าเมื่อมีพ่อเป็นนักบวช ลูกๆอีกทั้ง 4 คนก็จำต้องอยู่ในกรอบของศีลธรรม

รวมทั้งเติบโตมาพร้อมกับคำสอนของพระเยซูมาทุกเมื่อเชื่อวัน บุคคลอื่นบางครั้งก็อาจจะใช่ แม้กระนั้นไม่ใช่ลูกชายผู้ที่ 2 ของตระกูลที่เป็นเป็นความไม่เหมือน.. จอนเป็นเด็กที่เกิดมากับประโยค สำหรับถามและก็อยากพิสูจน์สิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง เขาแล้วก็ค่อยเชื่อ

และก็เรื่องของศาสนาก็ด้วยเหมือนกัน ถึงแม้บ้านของเขาจะเป็นครอบครัวใหญ่ที่อยู่รวมกัน แม้กระนั้น จอนเป็นผู้ที่ตั้งเรื่องที่น่าสงสัยอะไรต่อมิอะไรมากไม่น้อยเลยทีเดียว โน่นก็เลยทำให้อาเธอร์ นั้นจำเป็นต้องดูแลแล้วก็สังเกตดู จอนเป็นพิเศษ เนื่องจากเขามั่นใจว่า จอนจะเป็นผู้ที่ตกทอดตำแหน่งนักเทศน์ หรือ บาทหลวงของเขาในอนาคต

ต้นเหตุที่เป็นแบบนั้น ด้วยเหตุว่าพี่ชายคนโตของ จอนที่ชื่อว่า อาเธอร์เดอะ เธิร์ด เป็นเด็กเรียนดีกีฬาเด่น สามารถเข้ามหาวิทยาลัยได้ด้วยโควตานักกีฬาอเมริกันฟุตบอล แล้วก็ไปสุดทางด้วยการครอบครองแชมป์ซูเปอร์โบวล์กับ บัลติมอร์ เรฟเวนส์ มาแล้ว เหมือนกับ แชนด์เลอร์ น้องชาย

ซึ่งก็เป็นนักกีฬาอเมริกันฟุตบอล เคยได้แชมป์ซูเปอร์โบวล์เหมือนกัน (กับ นิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์) เวลาที่ตัวของ จอนเอง ไม่มีความสามารถพิเศษด้านนี้มากแค่ไหน รวมทั้งโน่นทำให้เขาจะต้องรับความมุ่งมาดจากพ่อผู้เป็นบาทหลวงไปโดยปริยาย

ที่สุดแล้ว การเกิดในครอบครัวคริสเตียน มิได้แสดงว่าคนๆนั้นจะเป็นคริสเตียน ผู้ที่จะเป็นคริสเตียนได้เป็นผู้ที่มีประสบการณ์กับพระผู้เป็นเจ้าและก็รู้จักท่านเป็นการส่วนตัวแค่นั้น ซึ่งจอนนั้นออกแนวผู้ชายผู้เป็นสายน้ำ ไม่ปักใจกับสิ่งใดแบบสุดลิ่มทิ่มแทงประตู

เขาทดลองทั้งหมดทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิต เล่นกีฬาแทบทุกชนิด จนกระทั่งเจอกับกีฬาที่เข้าทางเขาที่สุดนั่นคือ “ชกมวย” และก็แน่นอนว่าพ่อของเขา “ขวางแบบสุดชีวิต” มวยไทย7สี

สายคาดแชมป์โลก

ผู้ถือสายรัดเอวแชมป์โลกผู้ครอบครองสถิติอายุต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์

สายคาดแชมป์โลก “ผมพยายามอย่างสุดชีวิตที่จะกัดกันเขาจากการเป็นนักสู้ ผมบอก จอนว่า แกอย่าคิดจะเป็นนักสู้เด็ดขาดเลยจ๊า อาชีพอื่นๆมีมากมาย เพราะอะไรมึงไม่มาเป็นศิษยาภิบาลอย่างพ่อล่ะ?” อาเธอร์กล่าว

จอนไม่ได้เป็นพวกต้านทาน แต่ว่าออกแนวเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เขาอ่านคัมภีร์ไบเบิลเสมอๆ จนกระทั่งขั้นที่มีรอยสัก “ฟิลิปิน 4:13” อันมีที่มาจากบท ฟีลิปปี 4:13 ในหนังสือว่า “กระผมพบเจอได้ทุกสิ่งโดยท่านผู้ทรงเสริมกำลังผม” บนทรวงอกของเขาเพื่อแสดงถึงความนับถือไว้ใจ

แม้กระนั้นตรงกันข้าม เขาก็ราวกับใฝ่ใจในซาตาน เขาใช้สารเสพติดหลายครั้ง โดนจับมาไม่ต่ำลงมากยิ่งกว่า 3 ครั้ง แต่ว่าแน่นอนที่สุดว่าครึ่งเดียวของชีวิต เขาทุ่มเทให้กับการต่อสู้มากยิ่งกว่าที่จะเข้าโบสถ์ตามฉบับคริสเตียนผู้อื่นอย่างสิ้นเชิง โดยยิ่งไปกว่านั้นในปี 2008 ที่เขามีลูกคนแรกตอนอายุ 20 ปี โน่นเป็นจุดเปลี่ยนที่โดยความเป็นจริงของประเด็นนี้

บี วาเตอร์ มาย เฟรนด์ อายุ 20 ปี ไม่มีงานประจำทำ มีบิดาเป็นนักบวช.. ถ้าเกิด จอนเลือกยอมแพ้กับการเป็นนักสู้ในกรง 8 เหลี่ยม แล้วก็เดินทางสู่ทางธรรมแทนเนื่องจากมีคนเปิดทางไว้ให้และน่าจะทำเป็น แม้กระนั้นเขาไม่ทำแบบงั้น เพราะเหตุว่าหากแม้พระผู้เป็นเจ้าจะอยู่ในหัวใจ

แม้กระนั้นสิ่งที่ต้องการทำเป็นการทุ่มเทเต็มกำลังเพื่อการเป็นนักสู้มากยิ่งกว่า “การมีลูกแบบไม่ได้คาดหวังและก็คิดแผนเป็นการเปิดโลกทัศน์ของผมโดยแท้จริง ภายหลังที่ทราบดีว่าจะมีลูก ผมใช้เวลาเป็นต้นตย์ทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต แล้วก็ท้ายที่สุด คำตอบเป็นผมจะเลิกสู้แบบเป็นงานอดิเรก

แม้กระนั้นผมจะทำมันให้ไปจนกระทั่งมือโปรเลย” จอนว่าแบบนั้น นักสู้ที่ จอนหลงใหลที่สุดคือ บรูซ ลี ผู้ชายผู้กระทำให้กังฟูมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งโลก โดยยิ่งไปกว่านั้นกับฝูงชนผิวดำในนิวยอร์กที่ได้รับอิทธิพลมาจากโรงภาพยนต์มอซอ ฉายแต่ว่าหนังกังฟูที่ฟิล์มมีราคาถูก ซึ่งโจนส์ ก็เป็นเลิศในผู้ที่ได้อิทธิพลนั้น

“ผมเลือกใช้ปรัชญาของ บรูซ ลี ที่ลื่นไหลรวมทั้งโอนเอนไปกับธรรมชาติ ผมพยายามมองดูทุกสิ่งให้แน่ชัด อ่านค่ามันตั้งแต่ 0 ถึง 100 และก็กระโดดใส่สิ่งนั้นเหมือนกับงูเห่าเลย” จอนว่าต่อ

จอนทุ่มเทเต็มกำลังเพื่อเพิ่มน้ำหนักและก็กล้ามให้ก้าวขึ้นไปสู้ในรุ่นไลท์เฮฟวี่เวต (จนถึงรุ่นเฮฟวี่เวตในขณะนี้) ยิ่งกว่านั้นยังฝึกซ้อมเขี้ยวเล็บสำหรับในการต่อสู้ โดยยิ่งไปกว่านั้นวิธีการจับดูดซับมิชชั่นที่เปลี่ยนเป็นหนึ่งในท่าหมัดเด็ดของเขา ที่ว่ากันว่าหากได้ล็อกคนไหนกันขึ้นมา คนนั้นจบโดยทันที รวมทั้งโน่นเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดสมญานาม “โบเนส” (ไอ้กระดูก) นั่นเอง

“ผมบริหารร่างกายอย่างคุ้มดีคุ้มร้าย ผมคิดต้องการทำให้ผมเร็วขึ้นรวมทั้งตัวใหญ่ ผมต้องการพุ่งได้ราวกับลูกปืน ผมออกแรงกับการพัฒนากำลังขาของตน รวมทั้งมันแปลงเป็นหนึ่งสำหรับเพื่อการสร้างไม่เหมือนกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม ถ้าคนไหนกันแน่มองเห็นผ่านการต่อสู้ของผม”

โจนส์ก้าวขึ้นเป็นแชมป์โลก ยูเอฟซี คราวแรกตั้งแต่อายุ 23 ปี ทุกคนทราบดีว่าจุดเด่นของเขาเป็นเทคนิคที่ไร้ที่ว่ากล่าว มีพลัง สร้างสรรค์ แล้วก็เล่นลูกพลิกแพลงเก่งมาก ที่สำคัญที่สุดเป็นเมื่อทุกๆไฟต์ผ่านไป จอนจะยิ่งเก่งขึ้นเรื่อยๆ มันราวกับวิดีโอเกม ที่เมื่อเขาชนะแต่ละด่าน เขาก็จะปลดล็อกสกิลใหม่ๆขึ้นมา ไว่ว่าจะเป็นการเตะ, ลำตัว, หมัด, ศอก, เข่า กระทั่งการจับดูดซับมิชชั่น และไม่กี่ปีผ่านไป เขาแปลงเป็นนักสู้กรงแปดเหลี่ยมที่ถูกเชิดชูว่า “เก่งที่สุดในโลก”

สายคาดแชมป์โลก สิ่งที่รับรองได้เป็น เขาเป็นผู้กระทำสถิติ “ที่สุด” ไว้กับยูเอฟซี หลายสถิติร่วมกัน ประกอบด้วย เป็นนักสู้ที่คุ้มครองปกป้องแชมป์มากมายไฟต์ที่สุด (11 ไฟต์ พอๆกับ ดิไม่เทรียส จอห์นสัน), ชนะในไฟต์ชิงชนะเลิศ-ปกป้องแชมป์สูงที่สุด (14 ไฟต์) และไม่แพ้คนใดกันสม่ำเสมอนานที่สุด (18 ไฟต์) ยิ่งกว่านั้น ยังได้รับการชมเชยเป็นเลิศในกลุ่มนักสู้ เอ็มเอ็มเอยิ่งใหญ่ที่สุด แล้วก็ได้รับเชิดชูในฐานะเป็นนักมวยความสามารถฉกาจฉกรรจ์ที่สุดของยูเอฟซี ถ้าหากวัดกันปอนด์ต่อปอนด์ โคตรมวย