ฮาส่งท้ายปี “ดำดอทคอม” บัวขาว บัญชาเมฆ นักชกขวัญใจชาวไทย นับว่าเป็นนักมวยที่สร้างความบันเทิงได้พอได้ทีเดียวแม้ว่าจะอยู่นอกสังเวียนมวยก็ตาม

ฮาส่งท้ายปี โดยปัจจุบันด้านในงานเลี้ยงปีใหม่ของค่ายบัญชาเมฆ ที่บัวขาววิลเลจ ได้มีการจัดแจงแข่งขันแต่งตัวที่สร้างรอยยิ้ม ชิงเงินรางวัลมากถึง 1 แสนบาท งานนี้ไปดูกันเอาเองว่า หมัดวัย 38 ปี จัดเต็มแค่ไหน

ฮาส่งท้ายปี

สำหรับวีรกรรมความฮาของ บัญชาเมฆ จะต้องกล่าวว่าเป็นผู้ที่ถูกใจสร้างรอยยิ้มให้กับแฟนๆเสมอ ก่อนหน้าที่ผ่านมาก็เคยโพสต์ภาพตนเองที่มีใบหน้าเป็นผู้หญิงโดยใช้แอพแต่งรูป FaceApp มวยไทย7สี

นอกจากนี้อีกเรื่องที่ยังคงเป็นที่พูดถึงเวลานี้ก็คือการปลอมตัวเป็นชายหนุ่มผมยาวออกไปซื้อผลไม้ยามดึกประเภทที่ไม่มีผู้ใดคิดออก ซึ่งในตอนนั้นเจ้าตัวปลอมตัวใส่ผมปลอมยาว กำเงิน 100 บาท ออกไปเรียกรถเข็นขายผลไม้ ก่อนปรี่เข้าซื้อผลไม้

ซึ่งเจ้าตัวโพสต์เปิดเผยว่าพ่อค้าจำตนไม่ได้ “ไม่มีใครจำได้ ปลอมตัวไปซื้อผลไม้กิน ขนาดบีบไก่แล้วก็ยังจำไม่ได้” งานนั้นทำเอาแฟนๆกดไลค์ กดแชร์ แล้วก็ขำกับความตลกของวีรกรรมที่เจ้าตัวทำเป็นอย่างมาก

ถือเป็นอีกมุมน่ารักๆของเจ้าตัว เพราะเวลาอยู่บนสังเวียน จำต้องพูดว่าเป็นคนละเรื่องกับชีวิตธรรมดานอกสังเวียนเอามากทีเดียว
บัญชาเมฆ ชื่อนี้ไม่มีผู้ใดในประเทศไม่เคยรู้เขา ด้วยเหตุว่าแม้กระทั่งคุณไม่ติดตามแวดวงมวยไทย ก็ย่อมจำเป็นต้องเคยทราบชื่อ หรือได้คุ้นหน้าผู้ชายคนนี้อยู่แล้ว

ในวัยย่าง 38 ปี “บัวขาว” ยังโลดแล่นอยู่บนสังเวียนผืนผ้าใบ ในฐานะนักต่อย พร้อมๆกับการเป็นเจ้าของอาณาจักรมวยไทย “บัวขาว วิลเลจ” บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ รวมทั้งมีงานด้านรื่นเริง รวมทั้งเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าอีกมากมาย

อาจไม่ใช่คำเขียน ที่เกินเลยไปสักนิด ถ้าจะบอกว่า เป็นไอค่อนของนักมวยไทยยุคนี้อย่างแท้จริง เพราะว่าเขามี ครบทุกสิ่ง ทั้งยัง รางวัลความสำเร็จ, ชื่อเสียง, เงินทอง และความชื่นชม ที่แผ่กระจายไป ไกลต่างแดน

ฮาส่งท้ายปี

Main Stand จะมาถอดรหัสว่าเหตุใด มบัติ สั่งการก้อนเมฆ ก็เลยแปลงเป็น นักมวยไทยที่ประสบความสำเร็จมากมายสุดในช่วงปัจจุบัน (ประสบความสำเร็จในต่อไปนี้ มิได้คือเพียงแค่ผลงานบนเวที แม้กระนั้นยังหมาย ความว่าภาพรวมของการเป็นนักกีฬาอาชีพ)

คำกล่าวของ ที่ให้สัมภาษณ์กับ Timeout สะท้อนให้มีความเห็นว่า สาเหตุการบรรลุผล ที่เกิดสังกัดตัวเขา ล้วนได้ผลสำเร็จจาก ความอดทน มุมานะ ที่สะสมมาเป็น ระยะเวลาหลายปี

มีพล็อตชีวิตที่ ไม่แตกต่าง กับนักมวยไทยอาชีพทั่วๆไป เขากำเนิดรวมทั้งเติบโตในครอบครัวชาวนา ที่จังหวัดสุรินทร์ เริ่มฝึกหัดชกมวยไทย ตามงานวัด ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ก่อนย้ายมาอยู่ในค่าย ป.ประมุข ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อตอนอายุ 15 ปี (ช่องอายุ 7-12 ปี ผ่านการชกมาแล้ว 100 ครั้ง)

ฮาส่งท้ายปี มีความ ใฝ่ฝันอยาก ชกมวยออกทีวี สักครั้งในชีวิต เขารู้สึกว่า วิถีทางเดียวที่จะช่วยให้เขา ไปถึงเป้าหมาย ได้เป็นความ ตั้งอกตั้งใจ สำหรับเพื่อ การฝึกหัด

นั่นก็เลยทำให้ เลือกที่จะหันหลังให้การศึกษาในระบบ มาจุดโฟกัสกับการฝึกฝนอย่างจริงจัง เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของตน แล้วก็หาเวลาว่างเล่าเรียน กศน. (ศูนย์การศึกษานอกระบบ และก็การเรียนตามอัธยาศัย) แทน

ผลการมุ่งมั่นกับช่วงซ้อม ทำให้ มีร่างกายที่แข็งแกร่ง พลังที่แข็งแรง เปลี่ยนเป็นจุดขายของเจ้าตัวที่เป็นมวยสไตล์บู๊ดุเดือด เดินอัด เดินเบียดคู่ชก ซึ่งการต่อยในรูปแบบนี้ จะต้องอาศัยร่างกายที่ฟิตสมบูรณ์อย่างมาก เพื่อเดินหน้าเปิดเกมได้ตลอดทุกยก รวมถึงทนทานต่อความเจ็บปวดจากอาวุธมวยของคู่ต่อสู้ ขึ้นสุดลงมิด

เขาเคยเปิดเผยว่า โปรแกรมการฝึกซ้อมของตนนั้น จะแบ่งได้ 2 เบรก ตอนเช้าตั้งแต่ 6.00-9.00น. แล้วก็ตอนเย็นตั้งแต่ 15.30-19.00น. เสมอๆแทบทุกวัน (หยุดเพียงแค่ 24 ชั่วโมงต่ออาทิตย์) ไม่เว้นแม้กระทั้งในตอนที่เขาดังและก็มีชื่อ ก็ยังถือมั่นและก็เชื่อในการซ้อมอย่างจริงจัง

สิ่งพวกนั้น ส่งผลให้ สามารถยืนระยะได้นานกว่า นักมวยไทยในรุ่นราวคราวเดียว ที่ส่วนใหญ่เลิกต่อยไปหมดแล้ว เพราะเหตุว่าธรรมดา ถ้าเป็นนักมวยไทยอาชีพ สไตล์บู๊ดุดันแบบบัวขาว ชอบอยู่ในช่วงเยี่ยมที่สุดของต่อย ได้เพียงแค่อายุสัก 25-30 ปีเท่านั้น

ฮาส่งท้ายปี เพราะหลังจากนั้น สภาพร่างกายจะไม่ค่อยอำนวยนัก เพราะว่าการต่อยรูปแบบนี้ จำต้องใช้ร่างกาย รวมทั้งพลังมากมาย กระทั่งทำให้ นักมวยโรยราได้ง่ายกว่า นักมวยชนิดตั้งรับ สู้ด้วยเหลี่ยมเชิง แล้วก็การอาศัยจังหวะสองเล่นคู่แข่ง ที่เรียกว่า “มวยฝีมือ”

แต่ว่าสภาพร่างกายของ ในวัยพ้นเลข 3 ยังคงมองเฟิร์ม และก็แข็งแรง เขาแทบจะไม่ชี้ให้เห็นว่า สภาพร่างกายเขาโรยราไปตามวัย ภาพจำของ ก็เลยยังคงเด่นชัด ในฐานะนักมวยไทยที่มีกำลังมหาศาล ชกได้ดุดัน ร่างกายทนทรหด ไม่ยอมแพ้ ไม่ถอดใจ ต่อยสนุกชื่นชอบผู้ชม แม้อายุจะมากมายแล้วก็ตาม

อย่างไรก็ดีชีวิตการเป็นนักมวยของ ใช่ว่าจะมาถึงจุดนี้ด้วยความง่ายดาย เพราะเหตุว่าคราวหนึ่ง เขาเคยประสบปัญหา กระทั่งทำให้ตัวเองมีความคิดต้องการจบอาชีพ พ่อค้าหมัด แต่ถ้าว่าเมื่อพ้นช่วงนั้นมาได้ ก็กลายเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนชีวิตที่ทำให้เขา มีเงิน ทรัพย์สิน และชื่อเสียงเพิ่มพูนมากขึ้น

ย้อนกลับไปในตอนปี 2012 กลายเป็นข่าวสาร ดังคึกโครม เมื่อเจ้าตัวล่องหนไปจากค่ายเดิม เปรียญประธาน ก่อนที่จะปรากฏอยู่ที่บ้านเกิด พร้อมกับทำค่ายมวยของตนเอง โดยใช้ชื่อสกุล สั่งการก้อนเมฆ มาตั้งเป็น ชื่อค่าย ก่อนจะมีการติดต่อ นัดหมายพูดจาส่วนแบ่งผลประโยชน์ ใหม่กับทางค่ายเดิม

การเจรจายืดเยื้อ มาตรงเวลา หลายเดือน ถึงกับขนาด ฟ้องร้องคดี กันเป็นคดีความ กระทั่งทำให้ เคยมีความ คิดต้องการจะเลิกชกมวย เพราะในตอนนั้นก็อายุ 30 ปีแล้ว จนถึงมีการผสาน จากหลายๆข้าง เพื่อจบปัญหานี้

ท้ายที่สุด ได้เป็นอิสระจากค่าย ป.ประมุข พร้อมแปลงชื่อสำหรับการชกมวยเป็น ที่เขาจะได้สามารถเลือกรับงาน บริหารจัดแจง สิทธิประโยชน์ และก็ขยาย กิจการค่ายซ้อมมวย ของตนได้ อย่างเต็มเปี่ยม

โน่นเป็นไม่เหมือน กันระหว่างกับ นักมวยไทยทั่วๆไป ที่เกือบ 100%ล้วนมีขึ้นตรงต่อ มีค่าย รอปฏิบัติภารกิจดูแล และก็แบ่ง สิทธิประโยชน์ “นักมวยไทยอาชีพ” จะมีหน้าที่แค่ฝึก และก็ขึ้นชกไปชก

แต่ว่าสิทธิ์ใน การเป็นเจ้า ของนักมวย ยังเป็นทางค่าย โดยเรื่องค่าตัว งานจ้างต่างๆรายได้ของนักมวย จะถูกแบ่งรูปทรง กับทางค่ายตามตกลง เพื่อเป็นค่าบำรุงค่าย และก็ผลประโยชน์ต่อตัวค่าย