ปิดบัญชียกแรก คู่เอกของรายการเป็นคู่มวยแทนระบุ 5 ยก ในพิกัดรุ่น ไลท์เฮฟวี่เวท ระหว่าง แอนโธนี สมิธ นักสู้ชาวอเมริกัน กับ เดวิน คลาร์ก นักสู้ชาติเดียวกัน 

ปิดบัญชียกแรก โดยคู่นี้ถูกดันขึ้นมาเป็นคู่เอกแทนที่คู่ของ เคอร์ติส เบลดส์ นักสู้สายจับปล้ำชาวอเมริกัน กับ เดอร์ริค ลูอิส นักสู้เพื่อนร่วมชาติ เพราะมีนักกีฬาส่งผลตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นบวก มวยไทย7สี

ไฟต์นี้ “เดอะ ไลอ้อนฮาร์ท” อาศัยลำหักลำโค่นและประสบการณ์ที่เหนือกว่า ใช้เวลาเพียงแต่ 2 นาที 34 วินาทีของยกแรกปราบ บราวน์แบร์ ได้เสร็จ ด้วยการจับใส่ท่า ไทรแองเกิ้ล กระทั่ง เดวิน คลาร์ก จำต้องขอยอมยกธงขาวไปท้ายที่สุด

ภายหลังจากปราบคู่ต่อสู้ได้อย่างสวยสดงดงาม แอนโธนี สมิธ ให้สัมภาษณ์ถึงฟอร์มและก็จุดมุ่งหมายในอนาคตของตัวเองว่า “มันเป็นโลกของผม ผมเพียงแค่อยากจะส่งท้ายปีด้วยชัยชนะ ผมอยากจะดีขึ้นเรื่อย

ปิดบัญชียกแรก

และก็ออกไปสนุกกับมัน ผมไม่ต้องการเร่งรีบ และไม่ได้เรียกร้องอะไร ผมเพียงแค่ต้องการต่อสู้ไปเรื่อยๆ และทำให้ดีกว่าเดิมในปี 2021 ผมกล่าวอยู่เป็นประจำว่าผมต้องการคว้าแชมป์โลก”

ส่วนรองคู่เอกเป็นการพบเจอกันของ ไม่เกล บาเอซา ยอดนักสู้อเมริกัน กับ ทาค้างชิ ซาโตะ คู่ปรปักษ์คนญี่ปุ่น ซึ่งไฟต์เป็นทางด้านของ “คาราเมล ธันเดอร์” ยังคงรักษาสถิติไม่มีพ่ายแพ้ไว้ได้ถัดไปเมื่อเป็นข้างจับ ซาโตะ ใส่ท่า ไทรแองเกิ้ล จนกระทั่งจำเป็นต้องขอยอมยกธงขาวไปในชูที่ 2 คงจะสถิติสวยงาม ชนะ 10 ไฟต์รวดไว้ได้ถัดไป

ขณะที่ผู้แทนจากทวีปเอเชียอีกหนึ่งรายที่ขึ้นชกในรายการดังที่ได้กล่าวมาแล้วเป็น ซู มูต๋าเอ๋อจี นักสู้คนจีนเชื้อสายทิเบต ที่ขยับพิกัดขึ้นมาต่อสู้ในรุ่น ฟลายเวท เป็นครั้งแรก โดยขึ้นชกเจอกับ มัลคอล์ม ออร์ดอน นักสู้ชาวแคนาดา

โดยผลที่ตามมา “อินทรีทิเบต” ใช้เวลาเพียงแค่ 44 วินาที รัวหมัดใสคู่แข่งขัน 9 หมัด กระทั่งลงไปกอง รวมทั้งผู้ตัดสินจำเป็นต้องเลิกการต่อยตั้งแต่ชูแรก และก็นับเป็นสถิติการชนะน็อกที่เร็วที่สุดในรุ่น ฟลายเวท ในประวัติศาสตร์ของ UFC ด้วย ไฟต์หน้าเจอใครดี

จัดศึก เป็นอย่างมากใหญ่ในระบบปิดไม่มีผู้ชม ที่ UFC APEX รังเหย้าที่ลาส เวกัส โดยไฮไลท์อยู่ที่คู่เอกนำรายการ “แอนโธนี สมิธ” นักสู้ประสบการณ์สูงจากโอมาฮา ชั้น 5 ของรุ่นไลท์เฮฟวีเวต กับ “อเล็กซานดาร์ ราคิช” นักสู้คนออสเตรียที่กำลังเดินทางมาแรง แล้วก็รั้งชั้น 8 ของรุ่น

ปิดบัญชียกแรก

ทั้งคู่คนเปิดเกมบุกใส่กันตั้งแต่ยกแรก โดยยิ่งไปกว่านั้น ราคิช ที่สาดหน้าแข้งใส่กระทั่ง สมิธ ออกอาการให้มองเห็น รวมทั้งคุมเกมพื้นแผ่นดินได้เหนือกว่านักสู้รุ่นพี่ แล้วในชูสองรวมทั้งสาม ราคิช ยังคงใช้แผนเดิม เน้นย้ำเตะเจาะล่างแล้วก็สู้แบบกราวเกรียวด์เกม ก่อนจะชนะคะแนนไปอย่างเอกฉันท์ตามเนื้อผ้า

ข้างหลังจบการแข่งขัน อเล็กซานดาร์ ราคิช บอกว่า “ความรู้สึกมันเยี่ยมมากมาย เป็นครั้งแรกที่ผมขึ้นชกในฐานะคู่เอก แน่ๆว่าผมบีบคั้น เพราะว่าหลายท่านกำลังดูและรอเชียร์ผมอยู่ แต่ว่าในเวลานี้ความกดดันนั้นได้หายไปแล้ว ผมพึงพอใจกับผลงานตนเองกับอดีตกาลผู้ท้าแข่งแชมป์ของรุ่นในไฟต์นี้ แล้วก็จุดหมายถัดไปเป็น จำต้องเอาเข็มขัดมาครองให้ได้”

ส่วนรองคู่เอก ร็อบบี้ ลอว์เลอร์ อันดับ 13 รุ่นเวลเตอร์เวต เปิดศึกเดือดกับ นีล มักนี อันดับ 14 ของรุ่น โดยทั้งสองผลัดกันรุกแล้วก็รับในตอนชูแรก แต่ว่าในชูลำดับที่สอง มักนี คุมจังหวะได้ดีกว่า แล้วก็เริ่มทิ้งห่างในชูลำดับที่สาม จากการเทคดาวน์แล้วก็ออกอาวุธได้ชัดเจน ก่อนจะชนะคะแนนเหนือ ลอว์เลอร์ อย่างเอกฉันท์

ด้านนักสู้สาวชาวเอเชีย คิม จี ยอน จากเกาหลีใต้ ลงลุยศึกในรุ่นฟลายเวตหญิง แต่ว่าต้านความแข็งแกร่งเกมภาคพื้นของ อเลซา กราสโซ นักสู้ชาวเม็กซิกัน ไม่ไหว ก่อนปราชัยคะแนนไปในที่สุด

คู่เอกเป็นการโคจรมาพบกันของ แอนโธนี สมิธ นักสู้ประสบการณ์สูงจากโอมาฮา อันดับ 5 ของรุ่นไลท์เฮฟวี่เวต อดีตผู้ท้าชิงแชมป์ของรุ่น ที่ปัจจุบันอยู่ในฟอร์มรุนแรง ชนะ 7 จาก 10 ไฟท์ล่าสุด

จะลงดวลในเวทีแปดเหลี่ยมกับ อเล็กซานดาร์ ราคิช นักสู้ชาวออสเตรียที่กำลังมาแรง ชนะใน UFC มาต่อเนื่อง 4 ไฟต์ก่อนจะเพิ่งแพ้ไปในไฟต์ล่าสุด ปัจจุบันอยู่ในอันดับ 8 ของรุ่นไลท์เฮฟวี่เวท และก็หวังจะกลับสู่ทางของชัยชนะในไฟต์นี้ให้ได้

อีกคู่ที่น่าดึงดูดเป็นการกลับสู่สังเวียนอีกครั้งของร็อบบี้ ลอว์เลอร์ สมัยก่อนแชมป์ UFC รุ่นเวลเตอร์เวตขวัญใจแฟนๆชกอาชีพมาแทบ 20 ปี เดี๋ยวนี้อยู่ในชั้น 13 ของรุ่น และไม่ได้ลงสนามมากว่าหนึ่งปี เตรียมรับมือ นีล มักนี ชั้น 14 ของรุ่นที่กำลังฟอร์มเข้าฝัก ชนะถึง 8 จาก 11 ไฟต์หลังสุด แล้วก็หวังจะก้าวขึ้นไปติดท็อปเทนของรุ่นให้ได้