ยอมเสียฟอร์ม เมื่อเป็นผู้แทนของชาติ และก็ยังรวมทั้งคนมีชื่อเสียงในประเทศ ก็ถึงเวลาที่คนเรานั้นจำเป็นต้องเห็นด้วยว่าตนเองเป็นบุคคลสาธารณะ

ยอมเสียฟอร์ม เมื่อเป็นผู้แทนของชาติ และก็ยังรวมทั้งคนมีชื่อเสียงในประเทศ ก็ถึงเวลาที่คนเรานั้นจำเป็นต้องเห็นด้วยว่าตนเองเป็นบุคคลสาธารณะ และก็สิ่งที่ตามมาเป็นชีวิตที่ไม่อย่างเดิม ทุกคนจะคอยจับตาทุกความประพฤติ วันใดทำดีวันนั้นมีคำชม

แม้กระนั้นถ้าวันไหนทำไม่ชอบใจคนไหนกันแน่ขึ้นมา วันนั้นพวกเขาจะโดนซ้ำกระทั่งจมดิน นี่เป็นเรื่องราวของ อิงเกมาร์ โยฮันส์สัน นักมวยชาวสวีเดน ที่ถูกคนสวีดิชซ้ำกระทั่งจมดินในวันที่เขาถูกปรับแพ้ในโอลิมปิกโทษฐาน “ไม่พยายามที่จะสู้”

การโดนปรับแพ้นั้น ทำให้เขาทำลายฝันของคนทั่วประเทศที่ต้องการมองเห็นเหรียญทองโอลิมปิกจากกีฬามวยสากลเป็นครั้งแรก จากฮีโร่ เขาโดนดูแคลนว่าเป็น “ไอ้ขี้ขลาด” ผู้ผลิตความอับอายขายหน้าให้กับสวีเดน

แต่ทว่าเรื่องมันไม่จบแบบนั้น เนื่องจากชายผู้เป็นตำนานกลับมาอีกที และก็ครั้งนี้ชาวสวีดิชที่เคยด่าว่าเขาถึงขนาดจำต้อง “หมอบกราบ” นักชกสวีเดน ชาติในแถบสแกนดิเนเวียนั้นไม่ได้มีจุดแข็งในกีฬามวยมาแต่ไหนแต่ไหนไร ดินแดนแห่งนี้อีกทั้ง สวีเดน,

เดนมาร์ก, นอร์เวย์, ไอซ์แลนด์ รวมทั้ง ฟินแลนด์ คือชาติที่ผลิตนักกีฬาในร่มไม่ว่าจะนักเทนนิส, นักแบดมินตัน หรือนักปิงปอง เสียมากกว่า สวีเดนเองก็ไม่ต่างอะไรจากเพื่อนบ้านของพวกเขา ประเทศที่นี้เป็นประเทศที่มีดัชนีค่าความสำราญมากมายเป็นลำดับต้นๆ ของโลก

พวเขามีรัฐผลประโยชน์ที่คอยดูแลและก็เกื้อหนุนพลเมืองในทุกๆด้าน ก็แค่ในตอนสมัย 50s-60s นั้น แวดวงมวยสากลยังไมได้เติบโตในวงกว้างนัก ด้วยเหตุว่าแชมป์โลกโดยมากกระจุกตัวอยู่ในแถบอเมริกาเหนือ อาทิเช่น สหรัฐอเมริกา หรือ เม็กซิโก

ยอมเสียฟอร์ม แต่ ชีวิตของ เยนส์ อิงเกมาร์ “อิงโก” โยฮันส์สัน นั้นค่อนข้างจะผิดแผกแตกต่างสวนกับผู้คนในดินแดนที่ความสบายนี้ เมื่อเจ้าตัวชื่นชอบการชกมวยมาตั้งแต่ยังเด็ก หากแม้สวีเดนไม่ต้องการจะมีนักต่อยคนไหนกันเป็นแรงผลักดันก็ตาม มวยไทย7สี

ยอมเสียฟอร์ม

ทุกคนจะคอยจับตาทุกความประพฤติ วันใดทำดีวันนั้นมีคำชม

ยอมเสียฟอร์ม การฝึกซ้อมในประเทศที่มวยไม่เป็นที่ชื่นชอบเป็นไปอย่างยากลำเค็ญ แม้กระนั้น อิงโกยังคงเดินหน้าล่าฝันตัวเองโดยตลอด อีกทั้งยังมีร่างกายที่อดทนเกินกว่านักมวยในประเทศสวีเดนทั่วไป เนื่องจากร่างกายใหญ่โต ตัวยอดเยี่ยม มีกล้ามเนื้อมากยิ่งกว่าไขมัน เรียกได้ว่าถ้าเกิดชกในประเทศตั้งแต่เด็กกระทั่งโต ไม่มีผู้ใดเอา อิงโกลงแม้กระทั้งคนเดียว

“อิงโกเป็นผู้ที่มีร่างกายแข็งแกร่งมาก ร่างกายของเขาสามารถทนต่อความเจ็บปวดได้นาน อึดเกินเหตุ จะว่าแบบนั้นก็ได้นะ” โอลอฟ โยฮันส์สัน บรรณาธิการเกี่ยกับกีฬาชกมวยในสวีเดน “ส่วนที่สำคัญของ อิงโกคือ เขาสูง 6 ฟุต (184 เซนติเมตร) มีน้ำหนัก 195 ปอนด์ (88 กิโลกรัม)

แม้กระนั้นที่เด็ดจริงๆเป็นความหนาของตอนไหล่และอก แข็งโป๊กเลยล่ะ 2 จุดนี้ มันเป็นจุดที่ทำให้เขาสามารถใช้แรงเหวี่ยงหมัดขวาได้หนักหน่วง เป็นผู้ที่ต่อยบันเทิงใจ ส่วนนอกเวทีก็มีเสน่ห์ พูดจาเก่ง เรียกว่าหล่อเลยแหละในสายตาของผู้หญิงสมัยนั้น”

ต่างหากที่เป็นเหตุผลว่าเพราะอะไรเวลาพบคนประเทศสวีเดนด้วยกันและก็ยังรวมทั้งในยุโรป อิงโกก็เลยเก็บเรียบด้วยหมัดขวาของเขา ความโดดเด่นของ อิงโกทำให้ในปี 1950 เขาถูกเรียกมาคัดเลือกตัวติดทีมชาติสวีเดนเพื่อลงแข่งขันในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ปี 1952 ที่กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ บ้านใกล้กันของสวีเดน

ทุกคนต่างหวังว่านักชกคนนี้จะก่อให้ชาวประเทศสวีเดนชุ่มฉ่ำหัวใจ เนื่องจากว่าสำหรับสมัยนั้น มั่นใจว่าการเสพข้อมูลอาจจะไม่ได้กว้างไกลครอบคลุมราวกับตอนนี้ แฟนๆกีฬาอาจจะไม่ทราบว่าคู่ปรับที่ อิงโกต้องพบเป็นคนใดมาจากไหน แล้วก็อาจจะไม่รู้ว่ามวยอเมริกานั้นเข้าขั้นนำหน้าชาติอื่นๆไปหลายก้าว

ณ เวลานั้น ก็เลยทำให้พวกเขาคิดกันว่า อิงโกเป็นนักมวยที่เก่งที่สุดในโลก และก็คงจะเอาชนะน็อกเอาต์ไปได้จนกระทั่งรอบชิงเหรียญทอง โน่นเป็นสิ่งที่คนไม่ใช่น้อยคิด แล้วก็ตั้งความหวังไว้อย่างมากจำพวกที่ตัวเขาเองก็ยังคลุมเคลือว่า อะไรทำให้ผู้คนคิดไปได้ไกลขนาดนั้นตั้งแต่โอลิมปิกยังไม่ทันเริ่ม

โอลิมปิกของไอ้ขี้ขลาด “ค้อนแห่งเทพเจ้าธอร์” เป็นสมญานามที่สื่อประเทศสวีเดนเขียนควบคุมไว้ เป็นคำชวนเชื่อของอิงโก มันแสดงถึงหมัดที่หนักเหมือนกับ “โยเนียร์” ค้อนของเทพเจ้าสายฟ้า แต่การโฆษณาถี่ๆ ทุกวันว่าเป็นตัวความมุ่งหวังเหรียญทองทำให้กระแสของแฟนคลับกีฬาเริ่มพอใจการชกมวยเยอะขึ้น

ยิ่งเมื่อมีการสืบทราบดีว่าอิงโก ต่อยระดับสมัครเล่นด้วยสถิติไม่มีปราชัยแล้ว กระแสของอิงโก ก็มาแรงแซงทุกโค้งในโอลิมปิกคราวนั้น แม้ว่าจะวิตกกังวลใจ แต่ว่าในขณะนั้น อิงโกมีแต่ว่าจะต้องไปต่อ เนื่องจากเขาเก่งที่สุดในประเทศแล้ว ถ้าเกิดยอมแพ้ก็อาจทำให้คนอีกหลายๆคนผิดหวัง ด้วยเหตุนี้อิงโก

ก็เลยขึ้นสังเวียนและก็สอยเอาคู่ปรับชาติอื่นๆร่วงเป็นใบไม้ตั้งแต่รอบแรกๆจวบจนกระทั่งมาถึงวันที่ทุกคนรอคอย นั่นคือไฟต์ชิงเหรียญทองกับนักชก อเมริกันที่ชื่อว่า เอ็ด แซนเดอร์สเป็นเหมือนกับมนุษย์ยักษ์ ร่างกายใหญ่มโหฬารกว่าเด็กรุ่นเดียวกันตั้งแต่จำความได้

วันที่เขาลงแข่งขันโอลิมปิกในฐานะตัวแทนรุ่นเฮฟวี่เวตของสหรัฐอเมริกา แซนเดอร์สเป็นนักมวยที่ตัวใหญ่ที่สุด ด้วยความสูง 6 ฟุต 4 นิ้ว (ราว 195 เซนติเมตร) แม้ว่าจะเป็นมวยตัวโต แม้กระนั้น แซนเดอร์สนั้นถูกจัดในหมู่มวยสมองคนหนึ่ง เขาฉลาดมาก หมัดหนัก และก็มักเลือกจังหวะชกได้ตรงเป้า คุณลักษณะทั้งผองเป็นนักชกเหรียญทองในอุดมคติทั้งนั้น

“หมัดซ้ายของเขาหนักมากกว่าค้อนปอนด์ สำหรับผู้ชายที่ตัวยักษ์ขนาดนั้น พวกเราแทบจะไม่เคยมองเห็นใครกันแน่ที่ทั้งยังหมัดหนักและก็เป็นมวยที่มีเชิงแบบเขามาก่อน” ดับบี้ โฮลท์ อดีตกาลผู้ฝึกสอนมวยของมหาวิทยาลัย ไอดาโฮ ที่เคยฝึกการสอนให้ แซนเดอร์สว่าไว้

สำหรับอิงโก ที่ว่าตัวใหญ่แล้วเจอกับ แซนเดอร์สก็จัดว่าตัวเล็กไปเลย แล้วก็หมัดแห่งเทพธอร์ที่ว่าหนัก ก็จำต้องสั่นๆกันบ้างเมื่อเจอกับผู้ที่ตัวยักษ์ราวกับ แซนเดอร์สด้วยเหตุผลดังกล่าวถ้าเกิดจะชนะเหนือผู้ที่อีกทั้งต่อยหนัก และก็มีความหลักแหลมแล้ว อิงโกจำต้องเตรียมความพร้อมให้ดี เล่นเซฟเอาไว้ก่อนให้ไม่มีอันตราย แล้วก็ตื๊อเข้าไว้ เพราะเหตุว่าเป็นมวยรอง

ก่อนโอลิมปิกจะมาถึงอิงโก เก็บตัวในแคมป์พิเศษถึง 10 วัน ผู้ฝึกสอนของเขาที่เก็งไว้ก่อนแล้วว่าทางไม่น่าจะหนีกันพ้น ประเมินการชกของ แซนเดอร์สในรายการก่อนๆและก็บอกแผนว่า อิงโกควรปลดปล่อยให้ แซนเดอร์สเป็นฝ่ายเดินเข้าพบ ส่วน อิงโก จะหลบและก็ยั่วให้ แซนเดอร์สเกิดความรู้สึกทางเพศอารมณ์เสีย ซึ่งข้อด้อยของแซนเดอร์ส เป็นถ้าหากรำคาญเมื่อไร สติจะเตลิดเปิดเปิง และก็โน่นจะก่อให้ อิงโกได้โอกาสชนะขึ้นมาบ้าง

การฝึกฝนเป็นไปตามแบบแผนจนถึงวันชิงเหรียญทองมาถึง อิงโกที่คิดแผนมาแต่ไกล ใช้แนวทางเต้นหนี ตั้งการ์ด รวมทั้งดึงจังหวะแบบที่ซ้อมมา แม้กระนั้นโชคไม่ค่อยดีนักที่ แซนเดอร์สนั้นแม่นเกินคาด หมัดของ แซนเดอร์สตรงเป้าตั้งแต่ยกแรก นั่นก็เลยทำให้ อิงโกถอยมากกว่าเดิม ซึ่งแฟนมวย ณ วันนั้นไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก

ชาวประเทศสวีเดนคนจำนวนไม่น้อยเดินทางมาประเทศฟินแลนด์เพื่อไฟต์นี้ เพราะเหตุว่าการเดินทางไม่ได้ยากเย็นแสนเข็ญ แม้กระนั้นการมามองเห็นนักมวยของเขามัวแต่ถอยแบบงี้ แฟนคลับรับมิได้ พวกเขาเริ่มแผดเสียงด่าทออิงโก ดังขึ้นเรื่อยกระทั่งเวลาเดินทางมาถึงยกที่ 2 รวมทั้งจวบจนกระทั่งถึงยกที่ 3 อิงโกก็ยังหาจังหวะเข้าทำไม่ได้สักครั้ง เสี่ยงของแฟนคลับด่าหนักขึ้น ตราบจนกระทั่งบีบคั้นผู้ตัดสินให้วินิจฉัย “ปรับแพ้” ในทันที โดยบอกเหตุผลว่าอิงโก ไม่แสดงทีท่าสำหรับในการต่อสู้

แค่นั้นแหละทั่วทั้งประเทศก็ผิดหวังถึงจุดสุดยอด ก่อนแปลงมันเป็นความโกรธอิงโก โดนสับเละตั้งแต่ยังไม่ลงจากเวที ระหว่างเดินเข้าหอพัก แฟนคลับตวาดใส่หูเขาว่า “ไปมุดกระโปรงแม่แกเลยไอ้ขี้ขลาดน่าละอาย” แล้วหลังจากนั้นทุกคนก็ตะโกนว่า “ขี้ขลาด” พร้อมโดยไม่ได้นัดแนะ โชคชะตาของ อิงโกยังไม่หมด เมื่อผู้ตัดสินในเวทีและก็ฝ่ายจัดตกลงใจจากท่วงท่าของเขาว่า จะไม่ได้รับเหรียญเงินด้วย เนื่องจากเป็นไฟต์ชิงแชมป์ที่จืดที่สุด แล้วก็ชกได้อย่างไร้เกียรติยศ

มาอย่างเทพ แต่อย่างไอ้ขี้ขลาด นั่นคือสิ่งที่ อิงโกได้รับ รวมทั้งเขาจำต้องทนอยู่กับคำด่าทอต่อว่าต่อขานพวกนั้นไม่เว้นแต่ละวัน แฟนคลับไม่ลืมเลือนเด็ดขาด เนื่องจากว่าสิ่งที่เขามันน่าละอายมากกว่าการขึ้นไปชกแล้วแพ้อีกด้วยซ้ำ “พวกเราขอประณามความประพฤติปฏิบัติของเขา มันช่างน่าละอายรวมทั้งขี้ขลาด ความหวาดกลัวของเขานำความขายหน้ามาสู่ประเทศสวีเดน” นี่เป็นจดหมายของประธานชมรมมวยประเทศสวีเดน ที่อดรนทนไม่ได้

ในตอนที่สื่ออเมริกาก็สนุกสนานกับการโดนยึดเหรียญเงินของ อิงโกอย่างใหญ่โต พวกเขาจั่วหัวโดยใช้คำเรียกอิงโกว่า “ไอ้เด็กน้อยปอดแหก” และก็ “ไอ้หนูนุ่มนิ่ม” ชีวิตของ อิงโกพังทลายตั้งแต่วันนั้น เขาหมดอารมณ์ชกมวยอีกต่อไป เขาประกาศรามือ แล้วก็กลับไปตรึกตรองตนเองให้ชัดอีกรอบว่า เมื่อความภูมิใจเดียวพังทลายลง ชีวิตของเขาจะคืออะไรถัดไป ?

ราชาคัมแบ็ค 6 เดือนที่ทนจับเจ่าจบลงแล้ว อิงโกตกลงใจกับตนเองว่าเขาจะไม่ต่อยในชื่อทีมชาติสวีเดนอีกต่อไป และก็มันพอเพียงมีแนวทางนั่นเป็นการเทิร์นโปรและชกมวยสากลอาชีพ ซึ่งถึงที่ตรงนั้น เขาจะทำอะไรก็ได้มันเป็นสิทธิ์ของเขาทั้งหมดทั้งปวง

เมื่อเทิร์นโปร อิงโกก็เริ่มสร้างชื่อไปเรื่อยเขาชนะรวดมาถึง 21 ไฟต์ เหตุผลก็ที่เป็นแบบนั้น อิงโกเล่าว่าครั้งนี้เขาฝึกฝนในแบบของตนเอง ชกในแบบของตนเอง ไม่คิดจะปลดปล่อยให้คนไหนกันสั่ง หรือคิดแผนให้โดยที่เขาไม่ยอมรับอีกต่อไป

เมื่อกลับมาเชื่อมั่นในตัวเอง อิงโกก็ไล่น็อกนักต่อยสวีดิชและประเทศใกล้กันจนกระทั่งหมดเกลี้ยง รวมทั้งได้ชกกับนักมวยอเมริกันที่ชื่อว่า เอ็ดดี้ มาเชน ในปี 1958 ซึ่งนับว่าเป็นไฟต์ชิงสิทธิ์การขึ้นสังเวียนชิงสายรัดเอวแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวต ที่ในเวลานั้นอยู่บนเอวของ ฟลอยด์ แพทเทอร์สัน นักต่อยอเมริกันอีกผู้ที่ถูกเรียกว่า “ปีศาจ”

ซึ่งในไฟต์กับ มาเชน ที่เมืองโกเธนเบิร์ก เขาสามารถเอาชนะด้วยการน็อกเอาต์ตั้งแต่ยกแรก โดยเหตุนี้ สถานีถัดไปของเขาเป็นการไปชิงชนะเลิศโลกทีแรกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการเดินทางไปตรงนั้นทีแรกของเขาด้วย คู่ชกคือ ฟลอยด์ แพทเทอร์สัน ชายผู้ว่าราชการกันว่าเป็นเครื่องจักรน็อกเอาต์

ยอมเสียฟอร์ม เรื่องน่าตลกของผู้คนเป็น ในวันที่พวกเราเป็นคนแพ้ มองไม่เห็นมีผู้ใดกันแน่จะต้องการช่วยเหลือหรือให้กำลังใจ แต่ว่าวันใดที่พวกเราเป็นคนมีชื่อเสียง เป็นผู้ชนะรวมทั้งมีชื่อ ส่งผลคุณประโยชน์ขึ้นมา พวกเขาเหล่านั้นก็จะกลับคำรวมทั้งกลับมาหาพวกเราอย่างกับไม่มีอะไรเกิดมาก่อน จบเพียงแค่ยกแรก