วงการมวยไทยวุ่น จากประเด็นที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก มีนโยบายกำจัดประเด็นการพนันในแวดวงกีฬาทั้งสิ้นไปจากเขตทหาร

วงการมวยไทยวุ่น ซึ่งที่ผ่านมาได้เอาจริงเอาจังด้วยการมีคำบัญชาปิด สนามมวยค่ายอดิศร จังหวัดสระบุรี, สนามมวยค่ายสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา และก็ปิดสนามแข่งม้าค่ายสุรนารี

วงการมวยไทยวุ่น

นอกจากนี้ยังมีคำบัญชาด่วนตระเตรียมที่จะปิดสนามมวยลุมพินี ไม่ให้มีการจัดแจงแข่งชกมวยไทยเพื่อกำจัดหัวข้อการพนัน โดยทัพบกคิดแผนที่จะปรับปรุงเวทีลุมพินีในขณะนี้ที่ตั้งอยู่รอบๆกรมทหารราบที่ 11 รักษาท่าน ถนนรามอินทรา กิโลเมตร2 เป็นศูนย์ปรับปรุงกีฬา ที่มีประโยชน์ แก่ประชาชน ตัวอย่างเช่น สวนสาธารณะ ที่บริหารร่างกายถัดไป มวยไทย7สี

ด้าน พล.ท.สุชาติ แดงสวย นายเวทีมวยลุมพินี ได้เผยกับนักข่าวว่า จากที่พิธีกรทัพบกได้แถลงไปนั้นกองทัพไม่มีหลักการให้มีการเล่นการเดิมพันในเขตทหารจริง ซึ่งในส่วนของ เวทีมวยลุมพินี

จะมีบอร์ดบริหารของกองกองทัพบกควบคุม ตัวเองก็มีบทบาทปฏิบัติแม้จะจัดการอะไรก็จำเป็นต้องผ่านกระดานบริหาร แต่การที่มีนโยบายแบบนี้ออกมาก็เพราะว่าเหตุการณ์ โควิด-19 ทางกองทัพก็เลยไม่อยากที่จะให้สนามมวยมีการกระจายเชื้อ ถ้าหากว่าจะจัดแจงแข่งก็จำเป็นต้องเรียบเรียงปิด รวมทั้งไม่อยากที่จะให้มีการเล่นพนันในระยะนี้

ซึ่งจากการประกาศดังกล่าวของกองกองทัพบกทำให้เกิดแรงสะเทือนในแวดวงมวยไทยเป็นอย่างมาก คนแวดวงมวยไทยแตกตื่นกันเพราะชื่อของ สนามมวยลุมพินี อยู่คู่กับประเทศไทยมาอย่างช้านานตั้งแต่ พุทธศักราช 2499 จัดมวยรายการสำคัญมามากมาย รวมทั้งผลิตแชมป์โลกมาแล้วหลายราย และก็นับว่าเป็นสถาบันหลักเหมือนกับ เวทีราชดำเนิน

พร้อมกันนี้ “บิ๊กติ่ง” พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกของกองกองทัพบก ได้เผยออกมาว่าทัพบกมีแผนในการปรับปรุงสนามมวยลุมพินี ให้เป็นศูนย์ปรับปรุงกีฬา เพื่อผลดีสูงสุดกับราษฎร โดยอยู่ในตอนของการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเรียนรู้การดำเนินการว่าจะเป็นยังไง ซึ่งจะกระทำเก็บข้อมูลต่างๆว่าจะสามารถปรับปรุงให้เป็นศูนย์ปรับปรุงกีฬาจำพวกต่างๆได้อย่าไรบ้าง

แม้กระนั้นจำเป็นต้องศึกษามองว่ามีข้อขัดข้องในเรื่องของข้อตกลงส่วนไหนไหม รับรองว่าในเวลานี้คณะกรรมการกำลังทำการศึกษาเรียนรู้ข้อมูลต่างๆซึ่งก็จึงควรจัดการไปตามกรอบเวลา แล้วก็ยังไม่มีแผนที่จะทำไหมทำปัจจุบันนี้สำหรับเวทีลุมพินี เกมพลิกหลายตลบ

วงการมวยไทยวุ่น

โดยกรอบของแนวทางปรับปรุงทัพบกจะอยู่ในช่วงเวลา 3 ปี เพื่อปรับทางให้เป็นกองกองทัพที่ล้ำสมัยตอบปัญหาภัยรุกราม และก็สนองตอบแนวทางรัฐบาล เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2563 ถึงวันที่ 30 กันายน 2566 โดยในปี 2564 จะมุ่งจัดระบบระบุแผนงานให้แจ่มแจ้ง หลังจากนั้นปี 2565 เน้นตามแผนงาน แล้วก็แนวทางเพื่อแก้ไขกองทัพในทุกมิติ และก็ปี 2566 นำผลของการปฏิบัติสู่การปรับปรุงถัดไป

นายณัฐวุฒิ เรืองเวส รองผู้ว่าการข้างกีฬาอาชีพและก็สิทธิประโยชน์ การกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นประธานสำหรับเพื่อการสัมมนาปรึกษามาตรการวิธีการจัดชิงชัยกีฬาชกมวย ในเหตุการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสวัววิด-19 โดยมีตัวแทนจากเวที, โปรโมเตอร์, หัวหน้าค่าย, ผู้จัดการนักมวย, ผู้ฝึก, นักมวย แล้วก็ผู้ตัดสิน ร่วมในตึกสรรเสริญ 7 รอบพระชนมายุการกีฬาแห่งประเทศไทย ช่วงวันที่ 10 ไม่.ย. ก่อนหน้านี้

ห้องประชุมได้มีการปรึกษาถึงมาตรการต่างๆในส่วนของสถานที่ (ค่ายฝึกซ้อมมวย-สนามสำหรับแข่ง) นอกจากมาตรการทั่วๆไปแล้วได้มีมาตรการเพิ่มอีก เป็นต้นว่า การควบคุมปริมาณผู้ในพื้นที่แข่งมวยไม่เกิน 50 คน, มีฉากกันอีกทั้ง 4 ด้านสำหรับผู้ตัดสินให้แต้ม

จัดหอพักนักมวยสำหรับ เตรียมความพร้อม ก่อนแข่งไม่น้อยกว่า 4 ห้อง, เตรียมพร้อมวัสดุอุปกรณ์ชกมวยและก็เครื่องใช้ไม้สอยการแข่งขันชิงชัยแบบส่วนตัว (1 คน/นวม 1 คู่), จัดพื้นที่รอบสนามสำหรับเพื่อการแข่งขันให้มีระยะห่างขั้นต่ำ 2 เมตร, ชำระล้างทุกหนภายหลังจากจบการแข่งขันชิงชัยแต่ละคู่ แล้วก็จัดจำหน่ายเครื่องดื่ม-ของกินนอกสนามแค่นั้น

ตอนหลังการสัมมนา รองผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย พูดว่า การสัมมนาในวันนี้ เป็นการขอ คำแนะนำในเรื่องเกี่ยวกับการชิงชัยแบบปิดควรมีมาตรการใดบ้าง ที่จะจำเป็นต้องนำไปเสนอศูนย์บริหารเหตุการณ์ การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อเชื้อไวรัสวัวโรที่นา 2019 (ศบค.) ซึ่งจะเป็นคนอนุมัติลดหย่อนมาตการต่างๆ

และก็จากการ ได้คุยกับคน แวดวงมวยวันนี้ ก็ทำให้ได้บทสรุป ที่มีความคิดว่า น่าจะเป็นเป็น ที่ยอมรับ ได้ทุกฝ่าย นอกเหนือจากนั้นเองทาง ศบค. ก็มีสัญญาณที่ดีที่จะปลดล็อกกีฬาทุกหมวดหมู่ในก.ค.นี้ ด้วยเหตุนั้นสิ่งที่ทำเป็น การเตรียมมาตรการต่างๆเอาไว้เพื่อนำมาใช้งานจริงภายหลังได้รับผ่อนผันแล้ว

ช่วงเวลาที่ในส่วน ของนักกีฬานั้น ได้มีการโต้เถียงกัน ในมาตรการต่างๆ แล้วก็มีการเปลี่ยนแปลง หลายข้อจาก ที่ภาควิชาอนุกรรมการหมอ ที่ทำการคณะกรรม การกีฬาชกมวย ได้วางกรอบไว้ในตอนต้น เช่น

เรื่องที่เกี่ยวข้อง กับการกักบริเวณ นักมวยก่อน แข่งขันได้มี การกำหนดไว้ที่ 224 ชั่วโมง แม้กระนั้น ในห้องประชุม เสนอว่าเป็นระยะในตอน ที่นานเหลือ เกินในการจัดแจง ก็เลยได้มี การเสนอให้ กักบริเวณ ก่อนชิงชัย 14 วัน, ส่วนเรื่อง การลงนวมฝึกนั้นสามารถทำเป็นตามเดิม

แต่ว่าขอให้มี การหลบหลีก ต่อยแบบปลุกปล้ำ วงใน ทั้งยังสำหรับ การแข่งและก็ การฝึกหัด นอกเหนือจากนั้น ในมาตรการยังมีเรื่องมีราวของการให้ครูฝึก-คนดูแล งดเว้นการนวดกระตุ้นนักกีฬาระหว่างพักชู แม้กระนั้นคุยกันว่าเกิดเรื่องที่ทำเป็นยาก

ด้วยเหตุผลดังกล่าว จะให้เน้นย้ำว่า ตอนขณะทำ การแข่งขันชิงชัย ผู้ที่ไม่ใช่นักกีฬา จึงควรสวมถุงมือ, หน้ากากอนามัย และก็เฟซชิลด์ตลอดระยะเวลาอย่างเคร่งครัด เวลาเดียวกัน ในเรื่องของ ผู้ชมการประลอง

ซึ่งในขั้นแรก จะเป็นการถ่ายทอดสด แต่ว่าก็มีความ ไม่สาบายใจ ว่าจะมีการรวมตัว กันมองนั้น ได้มีกฎเกณฑ์ ว่าสถานที่ใดถ้าหากจะมีการรวมตัวกันเกินกว่า 10 คน ควรต้องทำระบบ สมัครสมาชิกของ ไทยชนะเอาไว้ด้วย