ขึ้นสุดลงมิด หากจะพูดถึงนักมวยที่เคยสร้างความฮือฮาให้แฟนมวยทั่วโลกจนกระทั่งต้องอ่าปากค้าง

ขึ้นสุดลงมิด หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของ สมาน ส.จาตุรงค์ อยู่อย่างแน่นอน จากมวยสุดแสนปกติสู่การเป็นซุปตาร์เพียงแค่เลวข้ามคืน แต่ว่าเหมือนโชคชะตาเล่นตลกต้องจบการค้าหมัดด้วยการเป็นบันไดดาราให้มวยรุ่นใหม่ก้าวขึ้นไป

ค่ำคืนของวันเสาร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 ที่ สังเวียน เกรท เวสเทิร์น ฟอรั่ม ใน อิงเกิลวู๊ด เมืองแคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา (ตามเวลาท้องถิ่น) ได้มีนักมวยโนเนมคนนึงจากแดนประเทศไทยสร้างความฮือฮาด้วยการหักปักกาเซียนเอาชนะน็อก ฮุมเบอร์โต้ “ชิกิต้า” กอนซาเลซ ยอดแชมป์โลกชาวเม็กซิกัน ได้ในยกที่ 7 พร้อมกระชากเข็มขัด รุ่น ไลท์ฟลายเวท 2 สถาบัน (WBC,IBF) มาครอง แถมวันนั้นเขายังได้สร้างประวัติศาสตร์เป็นหมัดคนแรกของเอเชียที่สามารถคว้าแชมป์โลก 2 สถาบัน ได้ในการต่อยไฟต์เดียวกันอีกด้วย

ขึ้นสุดลงมิด

ก่อนชกไฟต์นั้นทาง สมาน ส.จาตุรงค์ เป็นรอง ฮุมเบอร์โต้ กอนซาเลซ แบบทุกด้านทั้งหน้าเสื่อ แถมอัตราต่อรองในวันนั้นเขาด้อยกว่าถึง 17 ต่อ 1 ซึ่งมันสะท้อนให้เห็นว่ามวยคู่นี้ห่างไกลกันมาก

แต่วันชกจริงไม่ได้เป็นไปตามที่เหล่าข้ารูฟันธงไว้หลังจากที่ทาง สมาน สอยเจ้าของเข็มขัดด้วยหมัดฮุคขวาร่วงให้กรรมการนับ 8 ตั้งแต่ยกที่ 2 อย่างไรก็ดี “เสือก็คือเสือ” ฮุมเบอร์โต้ กอนซาเลซ ไม่ได้กลัวเกรงพลังหมัดของผู้ท้าชิงชาวไทยอะไร เขาเร่งเครื่องเดินบดบี้ล้วงลำตัวของ สมาน จนสุดท้ายลงไปกองกับพื้นให้ผู้ตัดสินนับ 8 เช่นกัน ในช่วงกลางยกที่ 5 มวยไทย7สี

เกมล่วงเลยไปถึงยกที่ 6 ฮุมเบอร์โต้ กอนซาเลซ ยังคงเดินบดหวังปิดบัญชีให้ได้ ถึงแม้ สมาน จะพยายามกัดฟันยืนทนพลังหมัดแม้กระนั้นก็ไม่ไหวทรุดลงไปให้ผู้ตัดสินนับ 8 อีกครั้ง ในช่วงปลายชูที่ 6 ข้างหลังเสียงระฆังดังขึ้น กรรมการตัดสินบนเวที ก็เดินล้นไปที่มุมของ ผู้ท้าชิงชาวไทย

รวมทั้งได้พิจารณาพร้อมกับหารือกับหมอสนามถึงสภาพร่างกายของ สมาน ว่าควรจะยุติการต่อยเลยหรือเปล่า แต่ว่าทางศีรษะหน้าแผนกของเขาอย่าง “บิ๊กอึ่ง” คุณสหการเกิด ศรีสมวงศ์ ได้ขอโอกาสชกยกที่ 7 อีกสักยก ซึ่งทางกรรมการก็ให้โอกาสตามที่ขอไว้

ใครจะไปรู้จากมวยที่มีอาการป้อแป้เจียนอยู่เจียนไป แต่ว่าเมื่อได้ยินเสียงระฆังเริ่มยกที่ 7 เขาก็กลายเป็นเหมือนคนละคนกับชูที่แล้ว สมาน ไม่เกรงกลัวบารมีของแชมป์โลกเลยแม้แต่หน่อยเดียวกัดฟันยืนแลกหมัดแบบลืมตาย

ในที่สุดทาง ฮุมเบอร์โต้ กอนซาเลซ โดนหมัดขวาของนักต่อยไทยเข้าเต็มหน้าอย่างจังกระทั่งตกหงายท้องไปให้ผู้ตัดสินนับ 8 เป็นครั้งที่ 2 ด้านแชมป์โลกเองก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกันลุกขึ้นยืนยืดพร้อมแลกหมัดกับ สมาน อีกที แต่คราวนี้ผู้ท้าชิงชาวไทยอาศัยตอนโอกาสทองรัวหมัดใส่ ฮุมเบอร์โต้ กอนซาเลซ แบบไม่ยั้งจนถึงกรรมการจำต้องจบการต่อยไป

ทำให้ สมาน ส.จาตุรงค์ พลิกนรกกลับมาชนะทีเคโอ ฮุมเบอร์โต้ “ชิกิต้า” กอนซาเลซ ซุปตาร์ชาวจังโก้ ได้ในชูที่ 7 ครองแชมป์โลก 2 สถาบันมาครองได้เสร็จ หลังจบไฟต์นี้ทาง สื่อดังแวดวงมวย อย่าง เดอะริง ยกให้แมตช์นี้ คือ ไฟต์ยอดเยี่ยมที่ปี อีกด้วย

ขึ้นสุดลงมิด

และก็ที่น่าปลาบปลื้มใจที่สุดเป็นผู้ชมในวันนั้นกว่า 4,000 คน ได้ตรบมือกับโห่ร้องจนกระทั่งเสียงกระหึ่มไปทั่วทั้งยังฮอลล์ในคืนวันนั้น ซึ่งผู้ชมแทบทั้งหมดล้วนแต่เป็นแฟนมวยชาวอเมริกันกับเม็กซิกันเป็นเสียส่วนใหญ่

ด้านชีวิตของ สมาน เองก็น่าสนใจเช่นเดียวกัน เขาเป็นชาว กำแพงเพชร โดยกำเนิด และเกิดในครอบครัวชาวนา เมื่อตอนเป็นเด็ก สมาน ต้องแยกกันอยู่กับครอบครัวด้วยเหตุผลที่ว่าบิดามารดาของเขาจะต้องไปทำงานอยู่ที่อีกหมู่บ้านนึง ส่วนตัว สมาน จะต้องเรียนหนังสืออยู่ในหมู่บ้านอีกที่ ฮาส่งท้ายปี

หลังจากที่ครอบครัวของเขาย้ายไปอยู่หมู่บ้านอื่น สมาน ก็ได้มาอาศัยอยู่กับปู่ที่วัดเพื่อเป็นเด็กวัด แล้วหลังจากนั้นเขาก็เรียนหนังสื่อจนถึงจบชั้นประถมเรียนปีที่ 6

ภายหลังที่ สมาน จบ ป.6 เขาก็ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อบรรพชาเณรภาคฤดูร้อน ที่ วัดโพธิ์ อย่างไรก็ดี สมาน เป็นคนหัวไวเรียนเก่ง ทางพระคุณครูที่วัดก็เลยได้เชื้อเชิญให้เขาอยู่เรียนทางธรรมต่อ สมาน ก็ไม่ได้ปฏิเสธโอกาสนี้เขาเลือกอยู่ศึกษาเล่าเรียนที่นั้นอยู่ 5 ปี

ชีวิตเหมือนจะไปได้ดีในทางของ พระพุทธศาสนา แต่เขากลับจำต้องพบกับมรสุมภายหลังที่ครอบครัวของ สมาน มีปัญหาทางการเงิน แล้วก็ท้ายที่สุด สมาน ชายหนุ่มวัย 17 ปี ก็ตกลงใจเลือกเส้นทางพาณิชย์หมัดเพื่อหารายได้ไปจุลเจือทางบ้าน

” เขาทราย แกแล็กซี่ เป็นแชมป์จากการชกมวยและวีรบุรุษของชาติ” สมาน กล่าว ” ผมเห็นว่าเขาทำเงินได้มากมายจากการชกมวย ในขณะเดียวกันนักมวยอย่าง โธมัส เฮิร์น แล้วก็ มาร์วิน แฮ็กเลอร์ ก็มีชื่อเสียงมากเช่นกัน ผมชอบพอการชกมวยรวมทั้งมีความคิดว่าบางทีผมอาจจะเป็นนักมวยได้ ผมจึงเลิกเป็นพระรวมทั้งเริ่มทางอาชีพนักมวย ” บทสัมภาษณ์ของอดีตแชมป์โลกชาวไทยกับทาง เดอะริง

ภายหลังที่เขาตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะเป็นนักมวยให้ได้ สมาน เดินทางหาค่ายแล้วก็สังกัดเพื่อเริ่มเส้นทางการค้าหมัด ทว่าในชีวิตจริงมันไม่ใช่ง่ายดายเหมือนการดีดนิ้ว สมาน โดนหลายที่ปฏิเสธบางทีอาจเพราะเหตุว่าค่ายพวกนั้นอ่าแขนรับเฉพาะนักมวยไทย แถมในตอนนั้นเขาก็อายุปาไป 17 ปี มันไม่ได้ง่ายที่จะฝึกฝนนักมวยในวัยขนาดนั้น

อย่างที่ทราบๆกันว่านักมวยสากลชื่อดังของไทย หลายคนที่เริ่มอาชีพนี้ด้วยการชกมวยไทยมาก่อน โดยยอดมวยพวกนั้นเริ่มการชกมวยตั้งแต่เด็กๆแต่ว่าในทางกลับกัน สมาน ไปสู่วัยแตกเนื้อหนุ่ม แถมฐานรากการชกมวยยังไม่มีประจำตัวมาเลย ซึ่งคนชนบทหลายชิ้นที่มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯเพื่อมาหาเงินในอาชีพนี้ทำให้ตัวเลือกของค่ายมีมากมายเหลือเฟือ

มันไม่ง่ายเลยสำหรับชีวิตของ สมาน เวลานี้เขาจำต้องดิ้นรนหางานอื่นทำเพื่อเลี้ยงตัวเอง และบางทีตัวเขาก็จำต้องฝึกหัดมวยด้วยตัวเองในระหว่างนั้น ซึ่ง สมาน ทำแบบนั้นมา 3 ปี พร้อมกับตั้งเป้าหมายว่าเขาจะต้องเป็นนักมวยให้ได้

แต่วันหนึ่ง สมาน ได้เห็นโฆษณาในนิตยสารมวยว่า “บิ๊กอึ่ง” คุณสหสมภพ ศรีสมวงศ์ กำลังมองหานักมวยหน้าใหม่ และเขาก็ไม่ทิ้งนาทีทองในคราวนี้ สมาน รีบส่งใบสมัครทันทีและก็ในที่สุดความฝันของเขาก็เป็นจริง สมาน ได้ไปอยู่ในสังกัดของ “บิ๊กอึ่ง” ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในค่ายมวยมีชื่อในขณะนั้น

ประสบการณ์ครั้งแรกบนสังเวียนของ สมาน ไม่ค่อยดีนักเขาแพ้ในการเปิดฉากสนาม แต่ คุณสหสมภพ ศรีสมวงศ์ กลับชอบจิตวิญญาณนักสู้ของ สมาน และรับเขาเข้าไปอยู่ในค่าย

ในแม้กระนั้นล่ะวันเขาจะต้องตรากตรำทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีพ แถมยังจำเป็นต้องฝึกอย่างหนักในการเดินตามความฝันของเขา ชีวิตของ สมาน เริ่มต้นตั้งแต่เช้าตรู่เขาออกไปวิ่งตั้งแต่ตี 4 จากนั้นเขาก็ไปทำงานที่ร้านอาหารตอน 8 โมงเช้า ในช่วงบ่ายขับรถบรรทุกส่งของ ก่อนจะกลับไปฝึกซ้อมในตอน 4 – 6.30 โมงเย็น แล้วก็จบท้ายด้วยการกลับไปทำงานที่ร้านอาหาร ซึ่ง สมาน มีเวลาพักผ่อนไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน แต่ว่าเขาก็ตั้งใจอดทนจริงจังที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด

ในธันวาคม พุทธศักราช 2532 สี่เดือนหลังจากวันเกิดครบรอบ 20 ปีของเขา สมาน ก็ได้เทิร์นโปรเป็นนักมวยอาชีพ ซึ่งไฟต์แรกของเขาเปิดตัวได้อย่างสวยงามหลังจากที่น็อกคู่ต่อสู่ได้ในยก 4 ที่สนามมวยราชดำเนิน

สมาน เก็บชัยเหนือคู่ต่อยได้ 14 ไฟต์ติดต่อ ก่อนจะมาสะดุดเสมอกับ โรเบร์โต้ ปาดิลล่า นักมวยจากฟิลิปปินส์ แล้วก็ไฟต์ถัดมาเขาจำเป็นต้องเจอกับความปราชัยครั้งแรกบนทางนักมวยอาชีพในศึกเชื้อสายกับ อัศวิน สิทธิลักษณ์เมือง ทว่า 5 เดือนหลังจากนั้น สมาน ก็สามารถแก้ตัวพร้อมถอนแค้นเอาชนะ อัศวิน ได้เสร็จ

แล้วก็แล้วสิ่งที่ สมาน ทุ่มเท อดทน พากเพียร ก็สัมฤทธิ์ผลเขาสบโอกาสในการขึ้นชิงแชมป์โลกกับ ริคาร์โด้ โลเปซ ผู้ครอบครองตำแหน่ง รุ่น สตคอยว์เวต ของที่ประชุมมวยโลก ชาวจังโก้ โดยการแข่งขันครั้งนี้ถูกจัดขึ้นที่ ประเทศเม็กซิโก ซึ่งเป็นชกนอกบ้านทีแรกของหมัดคนไทย เรื่องประสบการณ์คงไม่ต้องพูดถึงพวกเราด้อยกว่าชัดเจน โลเปซ ผ่านสังเวียนมาแล้ว 33 ครั้ง ส่วน สมาน 17 ครั้งเท่านั้น ผลจบลงตามคาด โลเปซ ถลุง สมาน จอดแค่ยกที่ 2 เพียงเท่านั้น

อดีตแชมป์โลก ได้พูดถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นว่า ” ผมไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้ต่างถิ่นรวมไปถึงทีมงานด้วย” สมาน ชี้แจง ” ไม่มีใครทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้น อาหารใหม่สำหรับเรา สภาพอากาศเป็นเรื่องใหม่สำหรับเรา แม้กระทั้งวิธีการชกมวยของคู่แข่งก็ยังใหม่สำหรับเรา ส่วนตัวผมเองก็มีปัญหาในการควบคุมน้ำหนัก ยุคนั้นยังไม่มีอินเทอร์เน็ต มันยากที่จะเรียนคู่แข่งขันล่วงหน้า เมื่อคุณไม่รู้วิธีจัดการกับสิ่งต่างกลุ่มนี้ มันจะแปลงเป็นความเครียด ผมกังวลแล้วก็กังวลกับมันมาก ”

ข้างหลังอกหักจากครั้งแรกเขาก็ไม่ยอมแพ้กลับมาเริ่มต้นใหม่อีกที สมาน สามารถดีดตนเองขึ้นด้วยชัยชนะ 11 ครั้ง ในระยะเวลา 2 ปี รวมทั้งท้ายที่สุดเขาก็ได้รับรางวัลเป็นโอกาสที่สอง

แม้จะบอกว่าการไปครั้งนั้นเป็นราวกับบันไดศิลปินให้นักมวยวัยกระเตาะจากญี่ปุ่นรายนี้ผ่านผ่านก็คงจะได้ แต่คุณรู้หรือไม่ว่า? นักมวยวัย 18 ปี รายนั้น อีก 10 ปี ให้หลังเขากลายเป็นนักมวยที่ยอดเยี่ยมคนนึงในประวัติศาสตร์แวดวงมวยญี่ปุ่น แล้วก็เป็นต้นแบบให้นักมวยดินแดนปลาดิบหลายคนในตอนนี้ โดยชื่อของนักมวยคนซึ่งก็คือ “โกกิ คาเมดะ” อดีตแชมป์โลก 3 รุ่น ชาวญี่ปุ่น